“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2017
สัปดาห์ที่เก้า เทศกาลธรรมดา
มก 12:28-34…
28ธรรมาจารย์คนหนึ่งเข้ามาเฝ้าพระเยซูเจ้า ได้ฟังการโต้เถียงเรื่องนี้ และเห็นว่าพระองค์ทรงตอบได้ดี จึงทูลถามพระองค์ว่า “บทบัญญัติข้อใดเป็นเอกกว่าบทบัญญัติข้ออื่นๆ” 29พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “บทบัญญัติเอกก็คือ อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว

30ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน 31บทบัญญัติประการที่สองก็คือ ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองประการนี้” 32ธรรมาจารย์คนนั้นทูลว่า “พระอาจารย์ ท่านตอบได้ดี จริงทีเดียวที่ท่านกล่าวว่า พระเจ้ามีแต่เพียงพระองค์เดียวและนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นเลย 33การจะรักพระองค์สุดจิตใจ สุดความเข้าใจและสุดกำลัง และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองนี้มีคุณค่ามากกว่าเครื่องเผาบูชา หรือเครื่องสักการบูชาใดๆ ทั้งสิ้น” 34พระเยซูเจ้าทรงเห็นว่าเขาพูดอย่างเฉลียวฉลาด จึงตรัสว่า “ท่านอยู่ไม่ไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า” หลังจากนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าทูลถามพระองค์อีกเลย

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• บัญญัติเอก คือ รักพระเจ้าสุดดวงใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง นี่เป็นบัญญัติที่แสนงดงามน่ารักที่สุดที่เรามนุษย์จะสามารถสัมผัสและมีประสบการณ์ได้.. พ่อเองก็อยากจะให้พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ชี้ทางให้เรา...เพราะว่า คำถามของธรรมจารย์ว่า บัญญัติใดยิ่งใหญ่ที่สุด และคำตอบก็คือ “รักพระเจ้าสุดดวงใจ” นั่นคือข้อที่หนึ่ง และ “รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” นั่นคือข้อสอง... สองประการนี้เราทราบกันดีสำหรับชีวิตของพวกเราคริสตชน...

• พี่น้องที่รัก วันนี้พ่ออยากเขียนถึงบัญญัติเอกที่เรารู้กันดี “บัญญัติแห่งความรัก” เรามาทบทวนกันดีหน่อยครับ จริงพ่อก็นั่งคิดไตร่ตรองอยู่นานว่าพ่อจะเขียนบทเทศน์เรื่องนี้อย่างไร ไม่ง่ายเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา “ความรัก” คือ “ธรรมชาติ” ของเราทุกคนนี่นา ความรักคือชีวิตของเราคือความเป็นจริงๆที่เราเกิดมา เราเกิดมาจากความรัก ความรักคือพลังชีวิต..
o พ่อคิดว่าศาสนาคริสต์ของเราเป็นศาสนาที่เป็นธรรชาติที่สุด... “พระเจ้าเป็นความรัก ผู้ที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า” พ่ออ่านจดหมายของนักบุญยอห์นฉบับที่หนึ่ง พ่อยอมรับ ว่า อ่านกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เหมือนกับฟังเพลงรัก ฟังเท่าไรก็ไม่เบื่อถ้ามีความรัก คนมีความรักอะไรๆก็สวยงามไปหมด รู้สึกดีไปหมด งดงามไปเสียทุกอย่าง และก็สดชื่นที่สุด... “พระเจ้าเป็นความรัก” มีศาสนาไหนสอนแบบนี้บ้างไหม???

• พ่อสืบค้นศาสนาในเมโสโปเตเมีย ศาสนาอียิปต์ ศาสนาโบราณที่ว่ามีพระเจ้า... การจะเข้าไปถึงพระเจ้าได้นั้นต้องผ่านความหวาดกลัวตัวสั่น... ต้องทำอะไรๆให้เป็นที่พอใจของพระเจ้า ถ้าพระเจ้าไม่พอใจ ความโกรธของพระเจ้าจะปรากฎให้ต้องพินาศไปตามๆกัน แย่ไปตามๆกัน หรือศาสนาที่เสนอปรัชญาชีวิต วิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ก็มีหลากหลาย หรือเป็นศาสนาโบราณ ถือเทพ ถือผี ฯลฯ ไม่มีศาสนาไหนเลยที่บอกว่า “พระเจ้าเป็นความรัก” พ่อรู้สึกดีใจ ประทับใจ และมั่นใจเหลือเกิน เพราะพระเจ้าเป็นความรักนี่เองที่ทำให้เรารู้สึกดีและมีความสุข
o พ่อจะเน้นได้ไหมว่า ถ้าเราคริสตชนมีพระเจ้าจริงๆ ศรัทธาในพระเยซูจริงๆ ชีวิตของเราต้องมีความรักมากๆ รักจริงๆ เมตตากรุณาจริงอย่างไม่สิ้นสุดเลย... พ่อพบความจริงเหล่านี้และมั่นใจว่า เราศรัทธาและเชื่อในความรักเถอะครับ รักในความรักเสมอ...
o พระเยซูเจ้ายืนยัน...ในคำสอนของพระวรสารนักบุญมาระโก จากคำสนทนาของธรรมาจารย์คนนั้น... ได้คำตอบที่เราเห็นและมั่นใจ... บัญญัติคือ “รักพระเจ้าสุดดวงใจและรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”

• รักพระเจ้าสุดดวงใจ... เราจะทำได้ไหม ง่ายไหม... คงไม่ง่ายนะครับ
o แต่ข้อแปลกใจที่พ่ออยากระบายนิดหน่อย.. คนเรารักใครสักคน เราจะอยากรู้จัก พ่อเคยเห็นคนที่เขาหลงรักกัน แรกรักพบกัน ก็พยายามรู้จักให้มากที่สุด สืบเสาะแสวงหาความรู้จัก รู้ไปหมดทุกอย่างเกี่ยวกับคนๆนั้น เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร คนรอบตัวเขาชอบอะไร สุนัขเขาชอบอะไร... ชอบทานอะไร ชอบสีอะไร ติดตามดูรู้ไปหมด สืบเสาะหาโปรไฟล์จนรอบรู้ไปหมด คนเรานะถ้ารักละก็อยากรู้ แสวงหาที่จะรู้ ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนรู้อย่างละเอียดจริงๆ นะครับ... พี่น้องว่าจริงไหมครับ.. รักแล้วก็อยากรู้จัก อยากตามใจ อยากเข้าใจ เห็นอะไรก็พยายามเข้าใจไปหมด...
o แต่ข้อที่แปลกว่าคือ ถ้าถามว่า เราคริสตชนรักพระเจ้าไหม... คำตอบที่พ่อได้เสมอคือ “รักมาก รักมากๆ รักที่สุดเลย” แต่ถ้าถามต่อไปว่า “แล้วรู้จักพระเยซูเจ้าไหมครับ...รู้จักพระเจ้าในดีไหม? เล่าเรื่องพระเจ้าในพระคัมภีรได้ดีๆไหม?” บ่อยครั้ง คำตอบที่พ่อได้รับ คือ “ใบ้เลย ไม่ได้อ่านพระคัมภีร์เลย อ่านก็ไม่รู้เรื่องเลย ไม่อ่านเลย หรือแทบไม่เคยอ่านอีกเลย”... พ่อจึงคิดว่า แปลกนะครับ เราบอกว่า “เรารักพระเจ้า” แต่เราไม่ได้รู้จักพระองค์เลย ไม่ได้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระองค์เอาเสียเลย นี่แหละคือประเด็นที่น่าสนใจจริงๆว่า เรารักพระเจ้าจริงๆไหม
o ถ้าเรารักพระเจ้าจริงๆ เราก็ต้องอยากรู้จักพระองค์ให้มากที่สุดพี่น้องว่าจริงไหมครับ คงแปลกมา ถ้าเราบอกว่าเรารักพระเจ้า แต่เราไม่ได้พยายามที่จะรู้จักพระองค์นะครับ และเท่าที่พ่อทราบแม้จากผลสมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรในประเทศไทย การทำสมัชชาฯเราพบกว่า พวกเราทั้งพระสงฆ์ นักบวช และคริสตชนคาทอลิกไทยเรา เรายังรู้จักและใช้พระคัมภีร์น้อยเกินไปจริงๆ...
o “สุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน”

• “รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง”
o เพราะเหตุผลที่เรารักพระเจ้า เราจึงต้องรักมนุษย์เหมือนรักตนเอง เพราะพระเจ้าทรงสร้างเราทุกคนเหมือนพระองค์ ให้เป็นภาพลักษณ์ของพระองค์
o เรื่องนี้อาจไม่ง่ายนักแต่เป็นความจริงที่ต้องเป็นก็คือเช่นนั้น เพราะถ้าเรารักพระเจ้าจริงๆ เราต้องไม่ลืมว่า สัจจธรรมข้อสำคัญ เพื่อนพี่น้องของเราทุกคนก็เป็นเหมือนพระเจ้าเช่นกัน ยากจริงๆ แต่เราคงต้องใช้สายตาแห่งความเชื่อมากๆครับ ยากที่เราจะยอมรับเพื่อนพี่น้องของเราให้ได้... ทุกคนจริงๆที่เป็นมนุษย์คือความเหมือนพระเจ้า ทุกคนเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าครับ
o ถ้าเราจะยอมรับความจริง บัญญัติของนี้คือความยากลำบากอย่างที่สุด เพราะเรามนุษย์มีความเกลียดชัง ความไม่ชอบ ไม่สบอารมณ์หรือไม่ชอบอย่างไม่มีเหตุผล เรียกว่า บางคนเห็นหน้าก็ไม่ชอบเสียแล้ว แบบที่เรียกว่า ไม่ถูกชะตากันแต่แรกพบ... มนุษย์เราก็แบบนี้แหละครับ การจะรักเพื่อนพี่น้องทุกคนเหมือนรักตนเองก็ไม่ใช่เรื่องงายเลย...

• คำถามสำคัญที่ว่า... เมื่อเขาตอบถูกต้องเช่นนั้น... พระคัมภีร์เล่าว่า “พระเยซูเจ้าทรงเห็นว่าเขาพูดอย่างเฉลียวฉลาด จึงตรัสว่า “ท่านอยู่ไม่ไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า””

• พ่อมีคำถามว่า ทำไมเขาตอบถูกว่า “รักพระเจ้าสุดดวงใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” แล้วทำไมพระองค์จึงบอกว่า “เขาอยู่ไม่ไกลจากพระอาณาจักรของพระเจ้า” ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น พี่น้องที่รัก พ่อคิดว่า มีเหตุผลที่น่าไตร่ตรองคือ
o การรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ยังไม่ใช่ที่สุดของบัญญัติแห่งความรักครับ พระบัญญัติของพระเจ้าเน้นให้รักมนุษย์เหมือนรักตนเองก็จริง แต่
o สำคัญกว่านั้น คำสอนของพระเยซูที่ยากกว่านั้น และทำให้คนที่สามารถือได้ได้อยู่ในพระอาณาจักรของพระเจ้าจริงๆ คือ บัญญัติแห่งความรักที่ไปถึงที่สุดคือ.. “จงรักศัตรู จงภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน” (เทียบ มธ 5)
o นี่คือความยากที่สุดสำหรับมนุษย์ คือ รักแม้แต่ศัตรู ตรงนี้ยิ่งยากที่สุด แต่ถ้าเราจะพิจารณาดีๆ คนที่มีความรัก ยอมสามารถให้อภัยได้ถ้ามีความรัก... ความรักย่อมให้อภัยเสมอครับ... และรักที่สุดคือรักศัตรูได้เช่นกัน ยากนะครับ แต่รักทำได้ครับ...

• พ่อขอสรุปด้วยนิยามรักแสนไพเราะจากจดหมายท่านนักบุญเปาโลครับ...
o ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง
o ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง ความรักไม่มีสิ้นสุด

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก