“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2016

สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา

ยรม 1:1,4-10…
1ถ้อยคำของเยเรมีย์ บุตรของฮิลคียาห์ สมณะคนหนึ่งซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านอานาโธท ในแผ่นดินของชนเผ่าเบนยามิน

4พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
5“ก่อนที่เราปั้นท่านในครรภ์มารดา เราก็รู้จักท่านแล้ว
ก่อนที่ท่านจะเกิด เราก็แยกท่านไว้เป็นของเรา แล้ว
เราแต่งตั้งท่านให้เป็นประกาศกสำหรับนานาชาติ”

6ข้าพเจ้าทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์พระผู้เป็นเจ้า จะเป็นไปได้อย่างไร พระองค์ทรงเห็นแล้วว่าข้าพเจ้ายังพูดไม่เป็น ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก”

7แต่พระยาห์เวห์ตรัสตอบว่า
“อย่าพูดว่าท่านยังเป็นเด็กเลย
เราส่งท่านไปหาผู้ใด ก็จงไปเถิด
เราสั่งให้ท่านพูดอะไร ก็จงพูดเถิด
8อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราอยู่กับท่าน เพื่อป้องกันท่าน”
พระยาห์เวห์ตรัส

9แล้วพระยาห์เวห์ทรงยื่นพระหัตถ์มาสัมผัสปากของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“ดูซิ เราใส่ถ้อยคำของเราในปากของท่านแล้ว
10ดูซิ วันนี้เราตั้งท่านเหนือนานาขาติและเหนืออาณาจักรต่างๆ
เพื่อถอนรากและทำให้พังทลาย
เพื่อทำลายและรื้อลง
เพื่อจะได้ก่อสร้างและปลูกขึ้นใหม่”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “Pastores Dabo Vobis” (อ่าน ปาสโตแรส ดาโบ โวบีส) แปลว่า “เราจะให้นายชุมพาบาลแก่ท่าน”
o เสียงของพระเจ้าจากประกาศกเยเรมีย์ประโยคนี้งดงามจริงๆ ประชากรของพระเจ้า เหลวไหล หลงและเหลิงเจิ้งไปกับความยิ่งใหญ่ ไปกับกระแสโลก ความมั่งคั่ง (แม้ไม่มั่นคง) แต่ชอบมั่งคั่ง รุ่งเรือง และหลงลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าเที่ยงแท้ของตนเอง แต่ทุกยามย่ำแย่ของชีวิต ทุกยามตกต่ำซ้ำทรุดของชาติและศาสนาอีกทั้งประชากร “พระเจ้าก็ทรงเมตตา”
o พระยาห์เวห์ได้ประกาศเรียก “ประกาศก” และส่งพวกเขาไปให้เป็น “Pastores” เป็นนายชุมพาบาล เพื่อพานำฝูงแกะหลงทางกลับบ้านให้ได้ พากลับมาสู่หนทางที่ถูกต้องเสมอมิไดขาด เราได้ฟังเรื่องราวประกาศก อาโมส โฮเชยาห์ อิสยาห์ มีคาห์ เป็นระยะ และวันนี้ เราได้ฟังเสียงพระเจ้าเรียก “เยเรมีย์” เพื่อประชากรของพระองค์

• เรามาเริ่มรู้จักประกาศกเยเรมีย์และพยายามจดจำท่านกันสักหน่อยครับ....
o ชื่อในภาษาฮีบรู יִרְמְיָהוּ Yirməyāhū, ภาษากรีก Ἰερεμίας, อาราบิก إرميا Irmiya)
o แปลว่า “ยาห์เวห์ทรงก่อตั้งขึ้นมา”"Yah Exalts", บ่อยครั้งท่านได้รับนามว่า “ประกาศกผู้ร้องไห้” "Weeping prophet",
o เยเรมีย์เกิดในปี 650 BC (ก่อนคริสตกาล) เกิดในครอบครัวสมณะ
o ในช่วงเวลาของเยเรมีย์ ตั้งแต่ก่อนเยเรมีย์เกิด นับจากช่วงการปกครองของกษัตริย์มานัสเสห์ (ปี 687-642 ก่อนคริสตกาล)
o ในช่วงเวลานั้น อาณาจักรยูดาห์เป็นดังภาชนะของอัสซีเรีย ศาสนาขึ้นกับการเมือง การเอาพระเจ้าของพวกเมโสโปเตเมีย เทพเจ้าแห่งดวงดาวดาราในรูปแบบต่างๆ และพระเท็จเทียมของพวกคานาอันก็ปะปนกันเข้ามากับเรื่องของพระยาห์เวห์ เอามาปะปนกันจนมั่วไปหมด
o กษัตริย์อาโมนพ่อของโยสิยาห์ถูกฆ่าในปี 640 กษัตริย์โยสิยาห์รับช่วงปกครองต่อจากบิดาเมื่อโยสิยาห์อายุเพียง 8 พระชันษา
o เรื่องศาสนาก็เข้าสู่ยุคของการผสมนิยมอย่างรุนแรงเหมือนกันในช่วงของโยสิยาห์ (640-609 ก่อนคริสตกาล)
o ปี 622-621 ได้มีการค้นพบหนังสือกฎหมายหรือธรรมบัญญัติในพระวิหาร โยสิยาห์จึงประกาศการปฏิรูปศาสนาเพื่อชำระและเอาพระเท็จเทียมออกไป ประชาชนส่วนใหญ่ยังซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ การปฏิรูปจึงเริ่มการชำระและล้มทำลายแท่นและสถานของพระเท็จเทียมลงทั่วไป
o ปี 609 สงครามที่เมกกิโด กษัตริย์โยสิยาห์ถูกปลงพระชนม์
o กษัตริย์เยโฮอาฮาซครองราชย์และถูกเนเทศไปอียิปต์ และจากนั้นเยโฮยาคิมครองราชย์แทน เยโฮยาคิมเป็นคนเห็นแก่ตัวที่สุด ฆ่าประกาศกมากมาย และกดขี่ผู้ที่มีความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า และหันไปหาพระบาอัลอีก ทำให้เกิดความปนเปทางความเชื่อมั่วกันไปอีกในอาณาจักรยูดาห์ (ไม่รู้จบสิ้นจริงๆ ความมั่วปนและหลงไปกับความเท็จเทียม
o จนที่สุดอาณาจักรบาบิโลนเข้ามายึดครองเยรูซาเล็มโดยเนบูคัสเนสซาร์ ทำให้เยรูซาเล็มตกเป็นเมืองขึ้น และเยโฮยาคิมสิ้นชีวิตและเยโอยาคินครองราชย์แทน
o และกษัตริย์เองถูกเนรเทศไปบาบิโลน ในปี 597 และเนบูคัสเนสซาร์อาณาจักรแห่งบาบิโลนจึงได้ใช้อำนาจของตนจัดการ โดยตั้งให้เซเดคียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินยูดาห์แทนเยโฮยาคิน.... 597-587 ก่อนคริสตกาล

• พี่น้องครับ พ่อได้เล่ามาให้ฟังจนดูว่ายุ่งเหยิงและยากไปหมด แต่ที่ต้องเล่าประวัติศาสตร์ของประชากรของพระเจ้าช่วงนี้นั้น ก็เพื่อมาถึงจุดสำคัญ

• คือ ในช่วงเวลาของกษัตริย์เซเดคียาห์นี้เอง ที่ประกาศกเยเรมีย์ได้ให้คำปรึกษาแก่เซเดคียาห์ แต่ประชาชนผู้มีอำนาจไม่เห็นด้วย และเรียกร้องให้เซเดคียาห์กบฏต่อบาบิโลน ต่อเนบูคัสเนสซาร์ และก็เช่นเคย
o กษัตริย์เชื่อฟังเสียงของคนพวกนั้น และ
o ไม่ฟังเยเรมีย์
o ดังนั้น โดยการแก้แค้นและศอกกลับ เนบูคัสเนสซาร์ได้ทำลายกรุงเยรูซาเล็มเสียเลย (ปี 587 ก่อนคริสตกาล)
o เยรูซาเล็ม พระวิหารที่แสนรักและเป็นหัวใจที่สุด... สร้างมาตั้งแต่สมัยกษัตริย์ซาโลมอนถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง (นี่ถ้าฟังเสียงเตือนของพระเจ้ากันบ้าง ชาวยิวคงไม่ต้องมายืนภาวนาร่ำไห้ที่กำแพงร้องไห้ดังเช่นปัจจุบันก็เป็นได้)
o นอกจากพระศอกกลับอย่างแรงที่เนบูคัสเนสซาทำให้กับพระวิหารแล้ว ยังเรียกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด คือประชาชนในอาณาจักรยูดาห์ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลนเสียหมดเลย
o และคนจำนวนหนึ่งหนีไปอียิปต์และเอาเยเรมีย์ไปด้วยเพื่อหนีจากเนบูคัสเนสซาร์

• ในท่ามกลางความโกลาหลเช่นนี้ พระยาห์เวห์ได้เรียกเยเรมีย์เป็นประกาศกเพื่อประกาศแก่ชาวอาณาจักรยูดาห์ในยามวุ่นวายเช่นนี้
o “อย่าพูดว่าท่านยังเป็นเด็กเลย เราส่งท่านไปหาผู้ใด ก็จงไปเถิด เราสั่งให้ท่านพูดอะไร ก็จงพูดเถิด อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราอยู่กับท่าน เพื่อป้องกันท่าน”
o พระยาห์เวห์ “เรียก” เยเรมีย์ เพื่อไปประกาศ เพื่อไปเป็นประกาศกให้นำประชากรของพระเจ้าให้กลับใจมาหาพระองค์ ให้พวกเขาฟังเสียงของพระองค์ แม้เยเรมีย์จะรู้สึกว่าตนเองยังเด็ก แต่พระยาห์เวห์ย้ำแก่เยเรมีย์ว่าเป็นพระบัญชาของพระเจ้าให้ออกไป ให้กล้าไปเพื่อประกาศกับประชากร
o พระยาห์เวห์ได้ยืนพระหัตถ์มาสัมผัสริมฝีปากของเยเรมีย์เป็นเครื่องหมายว่าพระเจ้าได้ประทานพระวาจาของพระองค์ในปากของประกาศกเยเรมีย์ ดังนั้น ท่านมีพระวาจาของพระเจ้าในปากของท่าน ทำให้ท่านมีอำนาจของประกาศก มีอำนาจที่จะประกาศพระประสงค์ของพระเจ้าแก่ประชากรของพระองค์...

• พ่ออ่านพระวาจาวันนี้ และได้ไตร่ตรองเรื่องราวขอประกาศกเยเรมีย์ การเรียกประกาศกเยเรมีย์ กับสภาพของประชากรของพระเจ้า ทำให้พ่อรู้สึกว่า
o เราต้องเริ่มต้นไตร่ตรองความเป็น “ประกาศก” ของเราทุกคน

• พี่น้องครับ ศีลล้างบาปที่เราได้รับ ทำให้เราได้มีพระพรและพลังของการเป็น “ประกาศก”
o และปัจจุบันนี้พ่อเชื่อตามที่พระสันตะปาปาฟรังซิสสอนเราจริงๆว่า “เสียงประกาศกต้องดังขึ้นจริงๆ
o พ่อคิดว่า การเริ่มต้นอ่านประกาศกเยเรมีย์นี้ต้องทำให้เราไม่ลืมบทบาทความเป็นประกาศกของเราแต่ละคน...
o พ่อขอคัดประเด็นสำคัญๆในเรื่องการเป็นประกาศกในพระดำรัสเตือนของพระสันตะปาปาฟรังซิสเรียกมาให้เราทบทวนชีวิตของเราคริสตชนดีๆ อีกครั้ง
o อ่านเยเรมีย์ อ่านคำสอนของพระสันตะปาปา... และขอให้เรากล้าเป็นคริสตชนที่เป็นประกาศกอย่างแท้จริง ด้วยวาจาและกิจการชีวิตของเรา... อ่านและไตร่ตรองคำสอนของพระสันตะปาปาด้วยกันครับ

o “คริสตชนทุกคน ทุกคนจริงๆ ต้องรู้สึกให้ได้ถึงความจำเป็น รู้สึกจริงๆว่าต้องนำความรักของพระคริสต์ไปยังผู้อื่น และต้องทำให้เป็น “พันธกิจถาวร” ของเราทุกคน เราต้องเอาชนะความยากของปัจจุบัน คือ โลก กระแสโลก ที่หยิบยื่นปัจเจกนิยมให้กับเรา แต่เราต้องเอาชนะด้วยการออกไปเพื่อนำความรักไปจริงๆ”(EG 2)
o พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเรียกร้อง เพื่อให้คริสตชนทุกคนได้ค้นพบความสดชื่นแท้จริงที่มาจากพระวรสาร... ต้องค้นพบหนทางใหม่ที่สร้างสรรค์ โดยไม่ทำให้ข่าวดีของพระเยซูเจ้าต้องถูกเก็บเงียบไปเป็นอันขาด (EG 11)
o เราทุกคนได้รับเรียกสู่การออกเดินทางธรรมทูตครั้งใหม่ คริสตชนทุกคนและชุมชนทั้งหมด จะร่วมกันพิเคราะห์แยกแยะว่า หนทางใดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกร้องเรา อย่างไรก็ตาม เราทุกคนได้รับเชิญให้ยอมรับเสียงเรียกนี้ คือ การออกจากความสะดวกสบายปลอดภัยของตนเอง และมีความกล้าหาญที่จะไปยังทุกพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างแห่งพระวรสาร (EG 20-24)
o พระสนตะปาปาย้ำว่า เราทุกคน คือ “ประกาศก” เสียงของประกาศกต้องดังขึ้น
o เราจำเป็นต้องต่อสู้อย่างหนักแน่นกับการกระทำที่ทำให้เสียงของคนยากจนต้องเงียบงันและจำนน และต่อสู้กับกลุ่มคนที่ไม่ให้โอกาสหรือไม่ให้เกียรติแก่คนยากจน (218)
o เราคริสตชนต้อง “กล้า” ประกาศความใหม่เสมอของพระวรสาร ประกาศด้วยความ “ชัดเจน” (Boldness: Parrhesia) ในทุกเวลา ทุกสถานที่ แม้ในยามที่ถูกต่อต้านหรือคัดค้าน (259)

• พี่น้องที่รักครับ... เราทุกคนได้อ่านเยเรมีย์แล้ว เราได้อ่านคำสอนของพระสันตะปาปาร่วมสมัยของเราในประเด็นสำคัญแล้ว พ่อขอให้เราพยายามเป็นคริสตชนที่เป็นประกาศกมากขึ้นทุกวันนะครับ สังคมปัจจุบันของเราต้องการประกาศกที่ชัดเจนมากขึ้นเสมอ ในความดี และความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประกาศกแห่งความรัก... ข้อปฏิบัติที่เป็นประจักษ์พยานสำหรับพ่อที่คิดว่าใช่คือ...
1. เราจงเจริญชีวิตในความจริงแห่งความเชื่อ ศีลธรรมและจริยธรรม
2. เราจงรักในความจริง
3. เราจงเป็นคนที่จริงใจใสซื่อในความรัก
4. เราจงเป็นคนที่มีความหวังในทุกคน... อย่าหมดหวัง เพราะคนเราพัฒนาได้ เราเปลี่ยนแปลงได้ มีใครบ้างไม่เคยทำผิด และมีใครบ้างเมื่อทำผิดแล้วไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจและอภัย... (คิดดีๆ ก่อนที่จะตัดสิน สั่งประหารชีวิต สั่งตายใครต่อใครด้วยคำพูด และการกระทำหรือแม้แต่เจตคติ)
5. เราจงเป็นคนที่คนอื่นมีความหวังในเราได้เช่นกัน อ่อนโยนในความเมตตากรุณาเสมอไปเพราะพระเจ้าของเราทรงเมตตากรุณา
6. เราจงซื่อสัตย์ แข็งแรงในความจริง อย่าอ่อนแอไปตามกระแสเสียงเรียกร้องของความเท็จและพวกมากลากไป.. แต่เสียงที่เราจะฟังด้วยกันคือ “พระสุรเสียงแห่งความรักและเมตตาของพระเยซู ในพระวาจาของพระองค์”
7. เราจงเป็นประกาศกแห่งความเชื่อ ความรัก และความหวังด้วยกัน ไส้ตะเกี่ยงที่ริบหรี่อยู่ขอเราอย่าดับความหวังของพี่น้อง ไม้อ้อที่ช้ำแล้วขอเราอย่าหัก แต่พยุพยุงรักษากันและกันด้วยความรัก
8. เราจงเป็น “เยเรมีย์” “พระยาห์เวห์ทรงก่อตั้งขึ้นมา” คือ ขอให้เราเสริมสร้างกันและกัน อย่าทำลายกันเลย แต่สร้างสรรค์กันและกันในความดีเสมอ... ขอพระเจ้าอวยพร

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก