“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2015
สัปดาห์ที่สามสิบสอง เทศกาลธรรมดา


นักบุญมาร์ติน เดอ ตูร์
ลก 17:11-19…

11ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี 12เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ 13ร้องตะโกนว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” 14พระองค์ทอดพระเนตรเห็นจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปแสดงตนแก่บรรดาสมณะเถิด” ขณะที่เขากำลังไป เขาก็หายจากโรค 15คนหนึ่งในสิบคนนี้ เมื่อพบว่าตนหายจากโรคแล้ว ก็กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า 16ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์ เขาผู้นี้เป็นชาวสะมาเรีย 17พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ทั้งสิบคนหายจากโรคมิใช่หรือ อีกเก้าคนอยู่ที่ใด 8ไม่มีใครกลับมาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ” 19แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงลุกขึ้น ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว”


อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
 
• คนโรคเรื้อนสิบคนได้รับการเยียวยารักษา เพราะพวกเขาร้องขอพระกรุณาจากพระเยซูเจ้า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” พระองค์ทรงสั่งให้ไปแสดงตัวแก่สมณะ และพวกเขาก็หายจากโรคเรื้อน โรคร้ายที่รักษาไม่ได้นั้นในระหว่างเดินทางไป... แต่มีเพียงคนเดียวกลับมาหาพระเยซูเจ้า มานมัสการขอบพระคุณพระองค์พลางร้องสรรเสริญพระเจ้า และพระองค์ยืนยัน “ความชื่อ” ทำให้พวกเขาได้หายจากโรค..


• พ่ออ่าน พ่อได้ฟังพระวาจาตอนนี้บ่อยๆ และพ่อก็รู้ว่าชายคนที่กลับมาหาพระเยซูเจ้าเพื่อขอบพระคุณและสรรเสริญ พระเจ้านั้นไม่ใช่ชาวยิว แต่พระวรสารย้ำว่าเขาคือ “ชาวสะมาเรีย” ชาวสะมาเรียไม่ได้รับการยอมรับในสังคมชาวยิวสมัยพระเยซู เรียกว่าเป็นความเกลียดชัง ไม่มีการเสวนา และไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับพวกสะมาเรียในความรู้สึกของชาวยิว (เทียบดูเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี ลก 10 และเรื่องหญิงชาวสะมาเรียก ยน 4) พระวรสารทำให้เราได้รู้ว่าชาวสะมาเรียกนั้นไม่ได้รับการยอมรับเลยในหมู่ชาว ยิวเพราะเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์ และเบื้องหลังความแตกแยกทางศาสนสถาน ทางสายเลือด และการปะปนกับศาสนาอื่น และย้อมกลับไปสมัยพงศ์กษัตริย์ก็ชัดเจนของการแตกแยกของอาณาจักรเป็นสองสาย อาณาจักรเหนือ อาณาจักรใต้... ความแตกแยกนี่เป็นอะไรที่มีอยู่เสมอจริงในสังคม


• อะไรหนอคือสาเหตุของการแตกแยก การแบ่งชาติเชื้อ การกระที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีอะไรมากไปกว่า.. ความเกลียดชัง การไม่ให้อภัย การเห็นแก่ตัว...เบื้องหลังและเบื้องลึกที่สุดคือความเห็นแก่ตัว การเอาแต่ได้... รากลึกสุดคือความเห็นแก่ตัวและความเกลียดชังและการขาดสำนึกในความรักและความ เมตตาต่อกันนั่นเอง...

• พี่น้องที่รัก... พ่อคิดว่าจำเป็นและถึงเวลาอย่างมากที่เราจะหันกลับมาสู่การก้าวข้ามพรมแดน ของความแตกแยก พรมแดนของความเกลียดชัง เพื่อก้าวไปสู่การคืนดี ความเป็นหนึ่งเดียวต่อกันและกันจริงๆครับ... มีสองคำถาม “ทำไม” ที่พ่อจะพิจารณาครับ... 

o ทำไมมีแต่ชาวสะมาเรียเท่านั้นที่กลับมาหาพระเยซูเจ้า อาจเป็นเพราะว่า.. อันที่จริงเขาไม่ต้องไปแสดงตัวกับมหาสมณะ เพราะเขาอาจไม่ได้รับการยอมรับจากสมณะหรือจากชาวยิวอยู่แล้วก็เป็นได้.. แต่ลูกกาได้เสนอภาพนี้ให้เราเห็นว่าเขาซึ่งเป็นชาวสะมาเรีย ซึ่งปกติถูกถือว่เป็นคนเลือดผสม เป็นคนไกลพระ เป็นคนไม่น่าคบ เป็นคนบาป... และเป็นที่เกลียดชังเพราะเป็นชาวสะมาเรียกที่เป็นผลพวงความแตกแยกในอดีต... พ่อคิดว่าประเด็นนี้น่าจะเป็นคำถามจริงๆสำหรับพ่อ นักบุญลูกาให้ความสำคัญกับชาวสะมาเรีย และทำให้เห็นว่าเขาซึ่งเป็นคนชายขอบสังคมชาวยิว แต่กลับเป็นคนที่มีสำนึก มีตระหนัก และรู้ถึงความจงรักภักดี “รู้คุณ” พระเยซูเจ้า... อันที่จริง “ยูดาห์” แปลว่า “รู้คุณ ขอบคุณ” แต่ชาวยิว คือ “ชาวยูดาห์กลับไม่รู้ขอบคุณพระเยซู” แปลดีครับ
o ทำไมอีกเก้าคนไม่กลับมาขอบคุณพระเจ้า.. พ่อไม่แน่ใจว่าอีกเก้าคนเป็นชาวยิวหรือไม่ เพราะข้อมูลที่เรามีนั้นระบุเพียงว่า คนที่กลับมาเป็นชาวสะมาเรีย แต่พ่อพิจารณาดูและอาจจะอนุมาณได้ว่า... อีกเก้าคนน่าจะเป็นชาวยิว หรืออาจเป็นชาวสะมาเรียกบางส่วนด้วยก็เป็นได้ เพราะเหตุผลที่พระคัมภีร์บอกกับเราว่า “ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังกรุงเยรูซาเล็มนั้น พระองค์เสด็จผ่านแคว้นสะมาเรียและกาลิลี เมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ” ดังนั้น ประเด็นของเก้าคนนี้นักบุญลูกาต้องการเน้นให้เห็นว่า... คนเพียงคนเดียวที่กลับมาขอบพระคุณพระเจ้า และเน้นว่าเขาคนนี้เป็นชาวสะมาเรีย แน่นอนพ่อไม่ได้ต้องการที่จะสรุปหรือตำหนิอย่างรวบรัดว่าอีกเก้าคนเป็นชาว ยิว เพราะพ่อเองก็ไม่มีข้อมูลเพียงพอ...

• ดังนั้น พี่น้องที่รัก... ประเด็นสำคัญคือ “มีเพียงหนึ่งในสิบคนเท่านั้นที่กลับมาขอบพระคุณ” ซึ่งประเด็นที่พ่ออยากจะยกเป็นประเด็นของวันนี้ เพื่อสอนตัวพ่อเองและพี่น้องด้วย พี่น้องที่รัก มีเพียงคนเดียวในสิบคนนะครับที่ได้กลับมาขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้า.. และคนนั้นก็เป็นคนที่ไม่น่าจะมาขอบพระคุณพระเจ้าเพราะเป็นชาวสะมาเรีย และพระเยซูเจ้าก็เป็นชาวยิวด้วย ซึ่งปกติ ชาวยิวจะไม่คบห้าหรือเสวนากับชาวสะมาเรียเลย... (เทียบ ยน 4)


• การที่นักบุญลูกาได้บันทึกพระวรสารเช่นนี้ ยิ่งทำให้เราเห็นว่าเป็นการเตือนสอนพ่อเองและสอนเราอย่างหนักหน่วงว่า

o “ความจำเป็นของความสำนึกรู้คุณ การขอบพระคุณพระเจ้า” ยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งครับ

o พ่อพบความจริงที่อ่อนโยน พระวรสารวันนี้ทำให้เราคริสตชนต้องเป็นผู้ที่ตระหนักรู้คุณและขอบคุณพระเจ้า อย่างยิ่ง และต้องเสริมกำลังเราให้ขอบพระคุณพระเจ้าอยู่เสมอ.. 

o ใช่ครับ ชาวสะมาเรียถูกคือว่าเป็นคนชายขอบ เป็นคนบูชาพระเท็จเทียม เป็นคนบาป แต่ แต่ แต่... คนบาป คนที่สำนึกถึงความบกพร่องของตนเองกลับได้มีสำนึกอย่างมีคุณค่ายิ่ง รู้คุณและขอบพระคุณพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง 

o เพราะว่าเมื่อเขารู้ว่าเขาได้รับพระกรุณา ได้หายจากโรค.. เขาได้มุ่ง “กลับมา พลางร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า 16ซบหน้าลงแทบพระบาท ขอบพระคุณพระองค์”

• วันนี้ เรื่องราวคนโรคเรื้อนสิบคน แต่มีเพียงชาวสะมาเรียคนนั้นที่กลับมาพรางร้องสรรเสริญพระเจ้า แม้ชาวสะมาเรียกเป็นคนที่ชาวยิวถือว่าเป็นคนบาป... เป็นคนผิดทางศาสนาแบบเข้าสายเลือดเลยทีเดียว ไม่ใช่เพียงบาปทางความประพฤติ แต่เข้าสายเลือดจริงๆ... 

o เรื่องนี้ทำให้พ่อได้เข้าใจความปรารถนาของนักบุญลูกาที่ได้รับการดลใจให้ บันทึกพระวาจานี้... คนบาป คนที่เคยทำบาป และคนที่ตระหนักรู้ถึงบาปและความไม่เหมาะสมของตนนั้นทำให้เขาตระหนักได้ จริงๆ ว่าเขาได้รับพระกรุณาจากพระเจ้าจริงๆ

o ยิ่งถ้าเราเป็นคนบาปหนักดุจโรคร้ายที่รักษาไม่หาย คือ โรคเรื้อนแถมเป็นชาวสะมาเรียคือคนชายขอบด้วย เรายิ่งตระหนักรู้คุณพระเจ้าอย่างยิ่งแน่นอน

o พ่อเคยได้ยินประโยคที่บอกว่า “นักบุญมีอดีตให้จดจำ แต่คนบาปมีอนาคต” คนบาปอย่างเราๆ พ่อเองด้วย ยิ่งเราเคยทำบาปผิดจริงๆ บาปที่น่ารังเกียจ (โรคเรื้อนน่ารังเกียจและต้องยืนห่างๆ “คนโรคเรื้อนสิบคนเข้ามาเฝ้าพระองค์ ยืนอยู่ห่างๆ”) บางทีบาปที่เรากระทำบาปที่น่ารังเกียจหรือการผิดศีลธรรมที่น่าเศร้าและ อับอาย... ถ้าเราตระหนักถึงการได้รับพระเมตตา การให้อภัย จะยิ่งทำให้เราสำนึกและรู้คุณพระเจ้าจริงๆนะครับ

o ถ้าพ่อได้รับการอภัย เมื่อทำผิดและได้รับความใจดี.. พ่อก็อยากจะขอบคุณและขอบคุณไม่รู้จบจริงนะครับ...

• พี่น้องที่รัก ขอให้เราตระหนักรู้จริงๆว่าเราต้องการพระเมตตาจากพระเจ้า และเราควรอย่างยิ่งที่จะขอบพระคุณพระเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน ในทุกมิสซาเราก็ประกาศความเสียใจเสมอ ข้อน-อกของเรา อยากประกาศความเสียใจ และประกาศความรักของพระเจ้าผู้ทรงรักและเมตตาเรา พี่น้องที่รัก พ่อยากได้เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึกนึกในพระกรุณาของพระเจ้าเสมอ


• เราไม่ได้เป็นโรคเรื้อนแบบสิบคนในพระวรสาร ฝ่ายกายเราอาจจะไม่ได้เป็นโรคเรื้อน แต่ฝ่ายวิญญาณของเรา เราอาจจะเป็นโรคเรื้อนน่ารังเกียจในการกระทำของเรา ในการเลือก การตัดสินใจของเราในอดีต... พ่อขอให้เราได้เชื่อในพระองค์ ร้องขอพระกรุณาของพระองค์ และขอทรงเยียวยาเราเสมอไป ขอให้เราได้สำนึกตระหนักและรู้พระคุณของพระเจ้าเสมอมิได้ขาด ยิ่งเราตระหนัก ไม่ลืมพระคุณ เราจะยิ่งอ่อนโยนถ่อมตน และก้มลงกราบนมัสการพระเจ้าได้อย่างสุขใจเพราะพระเมตตาที่เราได้รับครับ

• พ่อจำเพลงที่เราร้องในวัด เพลงของพ่อแสงธรรม (น่าจะเป็นพ่อไพศาลแต่งไว้) ชื่อเพลง “โรคร้ายในวิญญาณ” พ่อร้องบ่อยๆสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ว่างๆ พ่อก็ร้องเพลงนี้ครับ... เพราะพ่อรู้สึกว่าโรคร้ายที่เป็นโรคร้ายฝ่ายวิญญาณ... บาดแผลที่เจ็บปวดและน่าอับอายในชีวิตของเรา ในสังคม บาดแผลเหล่านี้ต้องการการเยียวยาจากความรักของพระเจ้าอย่างที่สุด... 


• ดังนั้น บทสรุปวันนี้... พ่อจะเขียนเนื้อเพลงน่ารักนี้บางส่วน อาจไม่ได้เขียนทั้งหมด แต่อยากเขียน อยากร้อง และอยากไตร่ตรอง... ขอบคุณผู้แต่งเพลงนี้ให้พระศาสนจักรในประเทศไทย... พ่อขอเขียนเนื้อเพลงบางส่วนอาจไม่ครบถ้วยแต่เพื่อเป็นบทสรุปของพระวาจาวัน นี้ครับ... 

o “แต่โรคร้ายฝ่ายใจแม้ไม่ดูแล ทิ้งใหญ่เป็นแผลยังแต่พ่ายแพ้หมู่มาร... 

o หากใจไร้องค์คงต้องร้าวราน ช่างทรมานวิญญาณที่ไร้ความดี... 

o พยาบาลหมอใดไม่รักษาได้ ขาดพระองค์ไปจิตใจไม่สมประดี นำยาอาหารประทานข้านี้ อย่าให้ราคีเปื้อนหมองวิญญา 

o สักครั้งข้าฯยังหวังในความจริง....

o จะขอรอรับทิพย์กายา เพื่อจะรักษาวิญญาข้าฯสู่เบื้องบน”

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก