“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม 2015
สัปดาห์ที่สิบหก เทศกาลธรรมดา
(ฉลองนักบุญยากอบ อัครสาวก)
มธ 20:20-28…
20มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ 21พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านต้องการอะไร” นางทูลว่า “ขอพระองค์ทรงอนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของข้าพเจ้า นั่งข้างขวาคนหนึ่ง นั่งข้างซ้ายคนหนึ่งในพระอาณาจักรของพระองค์” 22พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านไม่รู้ว่ากำลังขออะไร ท่านดื่มถ้วย ซึ่งเราจะดื่มได้หรือไม่” เขาทั้งสองคนทูลตอบว่า “ได้ พระเจ้าข้า” 23พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านจะดื่มถ้วยของเรา แต่การที่จะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระบิดาของเราทรงจัดเตรียมไว้”


24เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้น 25พระเยซูเจ้าจึงทรงเรียกทุกคนมาพบ ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่าในหมู่คนต่างชาติ ผู้ปกครองย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้ใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ 26แต่ท่านทั้งหลายไม่ควรเป็นเช่นนั้น ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น 27และผู้ใดที่ปรารถนาจะเป็นคนที่หนึ่งในบรรดาท่านทั้งหลาย ก็จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ 28เหมือนกับที่บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น และมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์ทั้งหลาย”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• การเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้า คือ การเดินทางเดียวกับพระองค์ การเดินทางไปถึงหนทางแห่งไม้กางเขน.. ไปเยรูซาเล็มเพื่อไปรับพระทรมานการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพ นี่คือหนทางแห่งไม้กางเขนสำหรับศิษย์พระเยซู สำหรับเราทุกคนจริง มีหนทางอื่นไหม

• วันนี้ฉลองนักบุญยากอบ อัครสาวก พ่อยากเล่าเรื่องการเดินทางและการอบรมที่พระเยซูเจ้าทรงเดินนำบรรดาศิษย์และสอนพวกเขาให้ติดตามพระองค์ ตามหลังพระองค์ไป มุ่งหน้าไปเยรูซาเล็มจริงๆ ไปกับพระองค์ ความคิดของพระองค์ กับความคิดของบรรดาศิษย์นั้นต่างกัน และพระองค์สอนพวกเขาให้คิดและเดินทางเดียวกับพระองค์ แต่พ่อบอกก่อนว่าไม่ง่ายเลย...

• สำหรับพระเยซูเจ้า
o การเป็นพระคริสต์หรือพระแมสซียาห์ที่พระองค์เป็น พระองค์ชัดเจนมาก ทรงรับพระบัญชาจากพระบิดา เสด็จมาเพื่อประกาศพระอาณาจักรสวรรค์ส่งสั่งสอนประชาชน เยียวยารักษา ช่วยเหลือ และกอบกู้ นี่คือหนทางของพระเยซูเจ้า
o ทรงเรียกบรรดาศิษย์มาเพื่อสั่งสอน อบรม และทำให้พวกเขาไปเป็นผู้ประกาศพระอาณาจักรสวรรค์และทำให้โลกนี้เป็นพระอาณาจักรของพระเจ้า คือ พระอาณาจักรแห่งความรักเมตตา และสันติสุข สอนให้บรรดาศิษย์ติดตามพระองค์ไป จนถึงการเดินทางออกจากแคว้นกาลิลีที่แสนรุ่งโรจน์ ออกเดินทางไปสู่กรุงเยรูซาเล็ม (เทียบ มก 8:27-10:52) คือ การเดินทางจากกาลิลีสู่เยรูซาเล็ม พระองค์เสด็จพร้อบกับรรดาศิษย์
o ในการทรงพระดำเนินจากกาลิลีสู่เยรูซาเล็ม (เพื่อไปรับทรมาน) พระอค์เสด็จนำเขาไป ทรงสั่งสอน (didaskein คำกริยาภาษากรีกที่พระคัมภีร์ใช้ อ่าน “ดีดาสเคน” เป็นมากกว่ามากสอน เป็นการ “อบรม สั่งสอน” ให้พวกเขาได้เดินไปด้วยความคิดจิตใจเหมือนพระองค์ และ เดินตามพระองค์) พระองค์ทรงสอนบรรดาศิษย์ สามครั้งถึงพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนพระชนมชีพ สามครั้งในขณะเดินทางไปเยรูซาเล็ม (เทียบดูใน มก บทที่ 8 บทที่ 9 และบทที่ 10 เรื่องพระทรมานนี้เป็นหัวใจของคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้า และทรงเดินไปเพื่อรับพระทรมาน เป็นการประกาศความรักที่สุดที่ทรงรักเรามนุษย์)
o พระเยซูเจ้าทรงมุ่งมั่นที่จะไปเยรูซาเล็มเพื่อไปรับทรมาน ทรงสั่งสอนบรรดาศิษย์ให้ติดตามหนทางนี้ เน้นให้พวกเขา เดินตามหลังพระองค์ไป (เทียบ มก 8:34 คำแปลภาษาอังกฤษ ฉบับ RSV “Revised Standard Version”: If any man would come after me..) ทรงเน้น ให้ต้องเลิกนึกถึงตนเอง แบกไม้กางเขนของตนและตามพระองค์ไป...
o สรุป พระเยซูเจ้า แม้ทรงรุ่งโรจน์ที่กาลิลี แต่ทรงเลือกที่จะตายบนกางเขนเพื่อประกาศความรักที่สุดที่พระเจ้าทรงรักมนุษย์

• สำหรับบรรดาศิษย์ ผู้ติดตามพระองค์... ไม่ค่อยเข้าใจ และเดินตามใจตน
o พวกเขาติดตามพระองค์จากกาลิลี.. เคยมีประสบการณ์เห็นความสามารถยิ่งใหญ่ของพระองค์มากมาย เช่น คนตาบอดแลเห็น คนใบ้พูดได้ คนหนูหนวกได้ยิน คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรก จนถึงคนตายกลับคืนชีพ... พวกเขาเชื่อมั่นว่าพระองค์ยิ่งใหญ่มาก เป็นพระแมสซียาห์แน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย “ชัวร์” พวกเขาเดินตามพระองค์ไปทั่ว และกำลังไปเยรูซาเล็ม
o คนเก่งแบบพระองค์ ต้องไปเป็น “กษัตริย์” ใครจะสู้พระองค์ได้ พระองค์คือคำทำนายของบรรดาประกาศกจริงๆ ทำได้ทุกอย่างไปหมด ดีหมด อศัจรรย์มากมาย พวกเขาเชียร์ล่ะ พระองค์จะต้องไปเยรูซาเล็มเพื่อไปปราดาภิเสกขึ้นเป็นกษัตริย์ล้มอำนาจโรมมันที่กำลังปกครอง อย่างน้อยก็ไปล้มเฮโรด กษัตริย์เชื้อสายเบดูอินที่โรมันตั้งไว้ให้ปกครองชาวยิว
o อ่านพระคัมภีร์ (มก 8:27-10:52) จะเห็นว่า พวกเขาศิษย์เดินตามพระองค์ และคิดตลอดเวลาว่าพระองค์จะต้องไปเป็นกษัตริย์ และผลตามมาก็คือ “พวกเขาจะได้เป็นใหญ่เป็นโตกันหมด” แน่นอน... มีหลายตอนที่พวกเขาเบียดเสียดกัน อิจฉากัน แข่งกัน ทะเลาะกันว่าใครเล่าจะได้เป็นใหญ่กว่ากัน...
o ไม่แปลกครับ มีพระอาจารย์เก่งแสนวิเศษ ทำไมจำไม่ได้เป็นกษัตริย์เล่า คนตายยังปลุกให้กลับคืนชีพเลย พวกเขาก็ออกจะ “ฮึกเหิม” กันหน่อย เคยขนาดโมโหประชาชน ถามพระเยซูเจ้าว่า “เราขอไฟจากฟามาเผาพวกเขาไหม” ฮึกเหิมมากครับ พวกเขาคิดว่า การเป็นใหญ่คือการใช้อำนาจแบบนั้น
o ตามพระองค์ไปก็หวังลึกๆ อยากเป็นใหญ่กันทุกคน (มั้ง) เห็นทะเลาะกันอยู่เนืองๆว่าใครจะเป็นใหญ่กว่ากัน
o แน่นอน คงไม่มีใครกล้าเกินเปโตร ที่เป็นผู้นำ แต่ต่อมาสองคนคือยากอบและยอห์นบุตรเศเบดี.. (แน่นอน เปโตรมีน้องชาวคืออันดรูว์ แต่คงไม่เด่นเท่าเจ้าสองพี่น้องนี้)
o และจุดสำคัญคือ เมื่อใกล้เยรูซาเล็ม พระวรสารวันนี้ มัทธิวเล่าว่า “แม่ของยากอบและยอห์นมาขอพระเยซูเจ้า ให้ลูกสองคน “นั่งข้างขาว และข้างซ้านในพระอาณาจักรของพระองค์” ให้แม่มาขอ” (แต่ไปอ่านพระวรสารตอนเดียวกันในมาระโก เล่าว่า เจ้าสองคนนี้มาขอด้วยตนเอง เดินแซงคนอื่นๆขณะเดินทาง ขึ้น มาขอพระองค์) นี่ชัดยิ่งกว่าชัดว่า พวกเขาคิดว่า การเด็จไปเยรูซาเล็ม คือ ไปเป็นใหญ่ พระเยซูเจ้าไปเป็นกษัตริย์แน่ๆ และกษัตริย์ต้องนั่งบนบัลลังก์ และแน่นอน มีสองคนที่ใหญ่โตรองลงมา นั่งซ้ายและขวาของกษัตริย์... ยุ่งเลย ลืมเปโตรไปเลย และผลตามมาของการขอเช่นนี้คืออะไร
o ผลตามมาคือ พระวรสารวันนี้บันทึกว่า “เมื่อได้ยินดังนั้น อัครสาวกอีกสิบคนรู้สึกโกรธพี่น้องสองคนนั้น” โกรธเคืองกันเพราะความอยากเป็นใหญ่ตามประสาโลกนี่เอง ทำให้พระองค์ต้องเรียกพวกเขาทุกคนเข้ามาพบและสอนความเป็นใหญ่ที่แท้จริงคือ “การรับใช้” ไม่ใช่แบบที่เขาคิดจะนั่งข้างๆพระองค์ เพราะพระอาณาจักรของพระองค์คือการรับใช้ด้วยความรักเมตตามากที่สุดจริงๆต่างหาก...

• พี่น้องที่รัก นี่อย่างไรครับ สองความคิดและเป้าหมายที่ต่างกันเหลือเกินที่พ่อยกมาอธิบาย

• “พระเยซูเจ้า”
o เป้าหมายคือรับทรมาน สิ้นพระชนม และกลับคืนชีพ การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนคือความเป็นใหญ่แท้จริงที่จะยอมสละชีวิตเพื่อมนุษย์ทุกคน กางเขนคือบัลลังก์กษัตริย์แท้จริงที่พระองค์ต้องการสอน
o พี่น้องไม่เคยสังเกตหรือว่า ทำไมพระองค์สวมมงกุฎ (หนาม) บนกางเขน ทำไมทรงฉลองพระองค์สีแดง ถือไม้ออกในพระหัตถ์ขาว และทำไมพวกทหารเข้ามากันทั้งกองในจวนผู้ว่าราชการ และเยาะเย้ยพระองค์เช่นนั้น พร้อมกับกราบคำนับ “ทรงพระเจริญ กษัตริย์ของชาวยิว” (แม้เป็นการเยาะเย้ย Irony แต่สื่อความจริงว่า พระองค์คือ กษัตริย์ แท้จริง และบัลลังก์ของพระองค์คือไม้กางเขน)
o พี่น้องเคยสังเกตไหม ทำไมบนเขากัลวาริโอ เมื่อทรงถูกตรึง ต้องมีกางเขนอีกสองข้าง โจรสองคน.. ใครก็ไม่รู้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย จู่ก็เข้ามาถูกตรึงข้างขวาและซ้าย ทำไม ทำไม ทำไม.... ก็กางเขนคือบัลลังก์แห่งรักนิรันดรของพระคริสตเจ้า ทรงเป็นกษัตริย์แห่งความรักนิรันดร์ ทรงประทับบนบัลลังก์ที่เรากราบไหว้กันอยู่เสมอมา บัลลังก์จึงต้องสองคนข้างซ้ายและข้างขวาอย่างไรล่ะครับ เสียดายนะ ที่ไม่ใช่ยากอบและยอห์นหรือเปโตร เพราะพวกเขาหนีไปกันหมดเมื่อทรงถูกจับกุม... (เทียบ มก 14)

• “บรรดาศิษย์”
o ติดตามพระองค์ และได้มีประสบการณ์อัศจรรย์มากมาย และรู้ว่าพระองค์คือพระคริสต์ คือ พระแมสซียาห์อย่างที่ทรงควรเป็นกษัตริย์อย่างที่พวกเขาคิดคาด ตามพระองค์และก็ทะเลาะกันหลายครั้งเพราะอยากเป็นใหญ่กับพระองค์
o อยากให้พระองค์ไปเป็นกษัตริย์แบบกระแสโลก ให้ปกครองที่เยรูซาเล็ม ถ้าพระองค์เป็นใหญ่ พวกเขาก็เป็นใหญ่ด้วยกันหมดทุกคน ยิ่งยูดาสก็คงได้เป็นเจ้ากระทรวงการคลัง เปโตรคงได้เป็นเบอร์สองรองจากพระองค์ ไหนจะยากกอบ ยอห์น.. ฯลฯ
o จึงไม่ต้องแปลกใจที่ยากอบและยอห์น (ขึ้นมาขอกันเองตามที่มาระโกบันทึก หรือแม่มาขอให้ตามมัทธิวบันทึก) ไม่ต่างกัน ต่างก็เข้าใจผิดถึงการเป็นพระคริสต์ การเป็นกษัตริย์แบบที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งพระทัยจะเป็น... คิดถึงบัลลังก์ มากกว่ากางเขน และไม่คาดเลยว่าพระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์เช่นนั้น...

• พร้อมจะดื่มถ้วยที่พระองค์ดื่ม และรับการล้างที่พระองค์รับ เรื่องนี้ พวกเขาก็เข้าใจแบบกษัตริย์ ตามกระแสโลก... ธรรมเนียมของกษัตริย์แบบโลกในสมัยนั้น เฮโรดเองก็กระทำและกลัวที่สุดที่จะถูกโค่นอำนาจ
o ถ้วย ที่กษัตริย์จะดื่ม คนนั่งข้างต้องดื่มก่อน ถ้ามียาพิษ จะได้ตายแทน
o น้ำที่จะล้างมือ คนข้างๆ ต้องล้างก่อน ถ้ามียาพิษก็จะได้โดนก่อน
• เมื่อพระองค์ถามว่าจะดื่มถ้วยและรับการล้างได้ไหม ทั้งสองคนจึงตอบว่าได้ เพราะเขาคิดแบบนี้ ถ้าจะนั่งข้างขวาและข้างซ้ายในพระสิริของกษัตริย์ก็ต้องรับสิ่งเหล่านี้
• แต่เข้าใจผิดครับ... เพราะเขาจะได้ดื่ม ได้รับการล้าง ตามที่พระองค์บอก แต่การนั่งข้างขวาหรือข้างซ้าย ไม่ใช่หน้าที่ของพระองค์... เพราะ การล้างในพระคัมภีร์และถ้วยในพระคัมภีร์ล้วนหมายถึง “พระทรมาน” ต่างหากครับ.. จำได้ไหมในสวนเกทเสมนี พระองค์ภาวนาให้ถ้วยกาลิกส์นี้ (พระทรมาน) ผ่านพ้นไป.... และนักบุญเปาโลก็เขียนไว้ว่า “การล้างคือการร่วมในพระทรมานของพระเยซูเจ้า” โอๆๆๆ เด็ดดวงเลยความหมายนี้... พระองค์ยืนยัน สอน หนทางแห่งไม้กางเขน และศิษย์จะได้รับกันทั่วหน้า ถ้วยกาลิกส์และการล้าง คือ การร่วมส่วนรับทรมานกับ พระองค์ทุกคนจริงๆ...
• นี่คือหนทางของพระองค์ไม่มีทางอื่นครับโปรดรับทราบไว้ด้วย... และอันที่จริงท่านนักบุญยากอบพี่ของยอห์น (สองพี่น้อง ที่เคยขอนั่งข้างขวาและข้างซ้าย อีกทั้งได้ตอบว่าจะสามรถดื่มด้วยและรับการล้างที่พระองค์จะรับได้ด้วย)
o ท่านคือัครสาวกคนแรกเลยในบรรดาอัครสาวกที่ต้องตายเพื่อประกาศความเชื่อในพระคริสตเจ้า นักบุญยากอบที่เราฉลองวันนี้นี่เอง..
o นักบุญยากอบ จึงเป็นอัครสาวกคนแรกที่เป็นมรณะสักขีเพื่อประกาศพระนามพระเยซูเจ้า ท่านสิ้นชีวิตเป็นคนแรกในรายนามอัครสาวกทั้งสิบสองของพระเยซูเจ้า น่าทึ่งสำหรับพ่อเองในฉลองท่านในวันนี้ พ่อรู้สึกทึ่งและสมกับเป็นคนที่ตรัสว่าพรอ้มจะรับเช่นเดียวกันพระเยซูพระอาจารย์... ท่านตายเป็นมรณะสักขีเร็วมากๆ คือ ในปี ค.ศ. 44 นั่นหมายถึง เพียงสิบปีหลังพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์
o กจ 12:1-2 “เวลานั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเริ่มเบียดเบียนสมาชิกบางคนของพระศาสนจักร พระองค์ทรงประหารยากอบพี่ชายของยอห์นโดยตัดศีรษะ เมื่อทรงเห็นว่าชาวยิวพอใจ จึงทรงจับกุมเปโตรด้วย ขณะนั้นอยู่ในระหว่างเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ”... (ท่านเป็นคนเดียวในบรรดาอัครสาวกที่สิ้นชีวิตและถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์นะครับ)

• พี่น้องที่รัก “หนทางแห่งพระทรมาน กาลิกส์ และการล้าง” นี่คือคำสอนยอดเยี่ยม และบทรำพึงไตร่ตรองของเราครับ หนทางของพระองค์ คือ หนทางแห่งพระธรรมล้ำลึกปัสกา “พระทรมาน การสิ้นพระชนม์ การกลับคืนชีพ” บนหนทางนี้เท่านั้นที่เราถ้าเดินตามในความรักและความเมตตาศรัทธาในพระองค์ หนทางนี้เองที่จะทำให้เราได้เป็นศิษย์แท้และครองราชย์ร่วมกับพระเยซูแท้จริง

• สุดท้าย มารู้จักกับยากอบอัครสาวกเพิ่มนิดหน่อยครับ
o ชื่อของท่าน คือ ยากอบ Jacob หรือ James ชื่อของท่านภาษากรีกในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ ชื่อของท่านบันทึกเป็นภาษากรีก เขียน Ἰάκωβος, มาจากภาษาฮีบรูและอารามายอิก เขียน “יַעֲקֹב” Yaʿqob
o นักบุญยากอบเป็นบุตรของเศเบดีและนางสะโลเม ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ชุดแรกสี่คน ที่พระเยซูทรงเรียก “เมื่อทรงดำเนินไปจากที่นั่น พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพี่น้องอีกสองคนคือ ยากอบบุตรของเศเบดีและยอห์นน้องชายกำลังซ่อมแหอยู่ในเรือกับเศเบดีผู้บิดา พระองค์ทรงเรียกเขา ทันใดนั้น เขาก็ทิ้งเรือและบิดา แล้วตามพระองค์ไป" (มธ 4:21-22)
o นักบุญยากอบอัครสาวก สิ้นชีวิตใน ปี ค.ศ. 44 เป็นอัครสาวกคนแรกที่ธรรมประเพณีบอกกับเราว่าท่านเป็นมรณะสักขีที่สละชีวิตเพื่อพระคริสตเจ้า
o นักบุญยากอบอัครสาวกองค์นี้ได้สมญานามว่า ยากอบ "องค์ใหญ่" เพราะท่านเป็นอัครสาวกที่อยู่ในลำดับรายชื่อก่อนอัครสาวกที่มีนามว่ายากอบอีกองค์ ที่เรียกกันว่า “ยากอบน้อย” ซึ่งเป็นบุตรของมารีย์ในหมู่อัครสาวกด้วยกัน

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก