“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้”

8. พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินทั่วแคว้นกาลิลี (มก 1:35-45)

1) พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเมืองคาเปอรนาอุม
          35วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น 36ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์ 37เมื่อพบแล้ว จึงทูลพระองค์ว่า “ทุกคนกำลังแสวงหาพระองค์” 38พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไปที่อื่นกันเถิด ไปตามตำบลใกล้เคียง เพื่อจะได้เทศน์สอนที่นั่นด้วย เพราะเรามาด้วยจุดประสงค์นี้” 39พระองค์จึงเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี ทรงขับไล่ปีศาจด้วย
2) พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนเป็นโรคเรื้อน
            40ผู้เป็นโรคเรื้อนคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ คุกเข่าอ้อนวอนว่า “ถ้าพระองค์พอพระทัย พระองค์ย่อมทรงรักษาข้าพเจ้าให้หายได้”  41พระเยซูเจ้าทรงสงสาร ตื้นตันพระทัย จึงทรงยื่นพระหัตถ์สัมผัสเขา ตรัสว่า “เราพอใจ จงหายเถิด  42ทันใดนั้น โรคเรื้อนก็หาย เขากลับเป็นปกติ  43พระเยซูเจ้าทรงให้เขาไปทันที ทรงกำชับอย่างแข็งขันว่า  44“ระวัง อย่าบอกอะไรให้ใครรู้เลย แต่จงไปแสดงตนแก่สมณะ และถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสกำหนด เพื่อเป็นหลักฐานแก่คนทั้งหลายว่าท่านหายจากโรคแล้ว”  45แต่เมื่อชายผู้นั้นจากไป เขาก็ป่าวประกาศกระจายข่าวไปทั่ว จนพระองค์ไม่อาจเสด็จเข้าไปในเมืองได้อย่างเปิดเผยอีกต่อไป พระองค์จึงประทับอยู่นอกเมืองในที่เปลี่ยว  แม้กระนั้น ประชาชนจากทุกทิศก็ยังมาเฝ้าพระองค์

a) อธิบายความหมาย
             ในข้อความ 1:14-34 ที่อธิบายแล้ว นักบุญมาระโกเล่าการเริ่มประกอบพระภารกิจของพระเยซูเจ้าในแคว้นกาลิลี โดยเฉพาะที่เมืองคาเปอรนาอุม (1:21-34) ส่วนข้อความ 1:35-45 พระเยซูเจ้าเสด็จไปเทศน์สอนตามศาลาธรรมทั่วแคว้นกาลิลี เราจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของพระองค์ในการปฏิบัติภารกิจ แต่จะไม่รู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเทศนาสั่งสอนเป็นเวลานานเท่าใด อาจหนึ่งเดือนหรือหลายเดือนก็ได้

             ในการเดินทางของพระเยซูเจ้าทั่วแคว้นกาลิลีในครั้งนี้ นักบุญมาระโกบันทึกการกระทำอัศจรรย์เพียงประการเดียวคือ พระองค์ทรงรักษาคนเป็นโรคเรื้อนให้หาย ที่เป็นเช่นนี้เพราะนักบุญมาระโกไม่เป็นนักข่าวที่บันทึกเหตุการณ์ทุกเรื่องอย่างละเอียด เพื่อเผยแพร่ความรู้ เขาเลือกเพียงข่าวบางเรื่องเพื่อสอนว่า ขณะยังทรงพระชนมชีพ พระเยซูเจ้าทรงสำแดงว่าพระองค์เป็นพระเมสสิยาห์ พระบุตรของพระเจ้า ลีลาการเขียนของนักบุญมาระโกคือ การเล่าเรื่องที่มีพยานรับรองซึ่งจดจำรายละเอียดที่น่าประทับใจของเหตุการณ์

ข้อความใน 1:35-45 แบ่งเป็น 2 ภาค ตามหัวข้อข้างต้น เราจะพิจารณาแต่ละภาคดังนี้
          ก) พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากเมืองคาเปอรนาอุม 
นักบุญมาระโกเริ่มเล่าว่า “วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่” รายละเอียดเกี่ยวกับเวลาในที่นี้แสดงว่า พระองค์ไม่ทรงอธิษฐานภาวนาตอนเช้าตามธรรมเนียมของชาวยิวเท่านั้น แต่เสด็จไปอยู่ตามลำพังก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อไม่ให้ใครรู้ นี่เป็นครั้งแรกในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโกที่บันทึกว่า พระเยซูเจ้าเสด็จไปอยู่โดดเดี่ยวเพื่อทรงอธิษฐานภาวนากับพระบิดาเจ้า บางทีพระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาเพื่อต่อสู้กับซาตานและเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดา ในฐานะที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นมนุษย์ก็มีอิสระ ทรงสำนึกว่าจำเป็นที่จะได้รับพละกำลังจากพระบิดา วันก่อนพระเยซูเจ้าทรงทำงานมากมายจนดึก ทรงต้องการที่จะพักผ่อน แต่เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ ยังทรงสำนึกว่าจำเป็นที่จะอยู่กับพระบิดาเพื่อแสวงหาพระประสงค์ กิจการงานต่าง ๆ ที่ทรงกระทำทั้งก่อนและหลังการอธิษฐานภาวนามาจากแหล่งที่มาหนึ่งเดียว คือพละกำลังจากพระบิดา

               “เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัด” ที่สงัดในที่นี้ไม่ใช่ถิ่นทุรกันดาร แต่เป็นสถานที่นอกเมืองคาเปอรนาอุม บริเวณเนินเขาที่ไม่ไกลจากบ้าน “และทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น” กริยา “อธิษฐานภาวนา” ในต้นฉบับภาษากรีกเป็นรูปแบบกาลไม่สมบูรณ์ จึงเน้นกิจการที่ทำต่อเนื่อง เป็นครั้งแรกในพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโกที่บันทึกว่า พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนา เรายังพบวลีนี้ใน 6:46 และในสวนเกทเสมนี เป็นเหตุการณ์ที่แสดงอย่างชัดเจนว่า พระเยซูเจ้าทรงพบความสงบและความมั่นใจโดยการอธิษฐานภาวนา เพื่อพระทัยของพระองค์ยึดมั่นในพระประสงค์ของพระบิดา

               “ซีโมนและผู้ที่อยู่กับเขาตามหาพระองค์” เมื่อบรรดาศิษย์ตื่นนอนก็เห็นว่าพระเยซูเจ้าไม่ทรงอยู่ที่นั่น เขาจึงต้อนรับประชาชนจำนวนมากที่มาหาพระองค์ เขาเหล่านั้นต้องการพบกับพระเยซูเจ้า เพื่อให้พระองค์ทรงรักษาคนเจ็บป่วย แต่เรารู้ว่าพระเยซูเจ้าเสด็จออกจากบ้านเพื่ออยู่ลำพังพระองค์เดียว ทรงอธิษฐานภาวนาและทรงพักผ่อนกับพระบิดา พระเยซูเจ้าทรงคาดคะเนว่าผู้คนจะตามหาจึงเสด็จออกไป บางทีประชาชนขอร้องบรรดาศิษย์ให้ตามหาพระองค์จนพบ น่าสังเกตคำว่า ตามหา” ต่างจากคำว่า “ติดตาม” ซึ่งเป็นกริยาแสดงการศิษย์ของพระเยซูเจ้า บรรดาศิษย์จึงไม่มาเพื่อจะได้เรียนรู้และดำเนินชีวิตกับพระองค์แบบศิษย์ที่ติดตามพระองค์ แต่เขาตามหาพระองค์เพื่อบังคับและนำพระองค์กลับไปอยู่กับผู้อื่น เขาไม่ได้ปฏิบัติตนในฐานะที่เป็นศิษย์

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก