“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม 2017
สัปดาห์ที่สิบสาม เทศกาลธรรมดา
มธ 9:14-17….
14วันหนึ่งบรรดาศิษย์ของยอห์น เข้ามาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “ทำไมพวกเราและพวกฟาริสีจำศีลอดอาหาร แต่ศิษย์ของท่านไม่จำศีลเลย” 15พระองค์ทรงตอบว่า “ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจะโศกเศร้าหรือ ขณะที่เจ้าบ่าว ยังอยู่กับเขา แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวจะถูกแยกไป วันนั้นเขาจะจำศีลอดอาหาร 16ไม่มีใครนำผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะผ้าใหม่ที่นำมาปะเสื้อเก่านั้นจะหดตัว ทำให้รอยขาดมากกว่าเดิม 17ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะถุงหนังจะขาด เหล้าองุ่นจะรั่วและถุงหนังจะเสียหายไปด้วย แต่เขาย่อมใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังใหม่และทั้งสองอย่างจะไม่เสียหาย

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• “ไม่มีใครนำผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า....ไม่ใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ในถุงหนังเก่า” พ่อเคยได้ยินคนถามพ่อบ่อยครั้งว่า พระวาจาตอนนี้หมายความว่างอย่างไร มีอะไรเป็นประเด็นความหมายที่พระเยซูต้องการจะบอกกับเราจริงๆหนอ

• ศิษย์ของยอห์น และศิษย์ของพระเยซูเจ้า ต่างกันอย่างไร อะไรคือความหมายของการเป็นศิษย์ของยอห์น และศิษย์ของพระเยซูเจ้า และที่ศิษย์ของยอห์นมาถามพระเยซูเจ้าเรื่องการจำศีลอดอาหารนั้นประเด็นคืออะไร... เรามาเข้าใจกันตรงนี้ก่อน คือ
o ศิษย์ของยอห์น (บัปติส) ยอห์นคือตัวแทนของรอยต่อของพันสัญญาเดิม ที่นำมาสู่พันธสัญญาใหม่คือพระเยซูเจ้า พวกเขาคือตัวแทนของความเคร่งครัดด้วยบัญญัติของชาวยิว พันธสัญญาเดิม ตัวแทนของศาสนายิวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยึดบัญญัติของโมเสส มีธรรมเนียมมากมายเหลือเกิน รายละเอียดของชีวิตศาสนมากมาย บัญญัติหยุมหยิมไปหมด เพื่อจะบอกว่าพวกเขาเป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ ประชากรพิเศษ ดังนั้นจึงมีกฎเกณฑ์มากมายทางศาสนา พร้อมธรรมเนียมปฏิบัติ (แม้ไม่ค่อยมีความเข้าใจนักแต่ก็ไม่กล้าละเลย) ศาสนายิวมีธรรมเนียมมากในพระคัมภีร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมเนียมเรื่องความสะอาด การมีมลทินหรือไม่มีมลทิน ดังนั้น พวกเขาจึงเน้นการชำระล้างตนเองมากมาย มีพิธีล้าง “การลงไปในน้ำเพื่อชำระล้าง” ดังนั้น ยอห์นจึงได้ชื่อว่ายอห์นบัปติส คือผู้พิธีล้าง.. และแน่นอน มีธรรมเนียมเรื่องการภาวนา การจำศีล อีกมากมาย...
o ศิษย์ของพระเยซูเจ้า... พระเยซูเจ้าคือพันธสัญญาใหม่ คือความยินดี คือชีวิตศาสนาในรูปแบบใหม่ เป็นความสมบูรณ์ของพันธสัญญาเดิม ไม่ใช่แบบเดิมที่แสนจะเคร่งครัดมากมายจนชีวิตศาสนากลับกลายเป็นชีวิตที่ไม่สู้มีอิสระ กลับเป็นทาสของกฎเกณฑ์มากมายไปหมด.. แต่พระเยซูเจ้าเสด็จมาเป็นมิติใหม่ ไม่ได้ยึดติดกับกฎเพียงเพื่อกฎที่คิดว่าถือกฎเคร่งแล้วนั้นคือความศักดิ์สิทธ์ทางศาสนา แต่พระองค์เสด็จมาในศาสนายิวเพื่อประทานกฎบัญญัติใหม่ที่สมบูรณ์คือบัญญัติแห่งความรักเมตตา ไม่ยึดติดกับกฎเพื่อกฎแต่เพื่อความดีของมนุษย์โดยเฉพาะผู้ยากไร้.. พ่อยกตัวอย่าง ชาวยิวห้ามเข้าใกล้คนโรคเรื้อน ไม่แตะต้อง แต่พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปหา ทรงรักษา แตะต้อง (ไม่กลัวผิดกฎ) เรื่องวันสับบาโตเรื่องใหญ่มาก ชาวยิ่วเคร่งจนเรียกว่าหยุมหยิมจนไม่เป็นเรื่อง ห้ามทำงาน แม้กระทั่งพระเยซูเจ้ารักษาคนเจ็บที่ต้องการหายในวันสับบาโตก็โดนตำหนิ พระองค์ไม่ได้เป็นทาสของกฎ แต่ทรงถือกฎสูงสุดเหนือกฎใดๆคือ “บัญญัติแห่งความรัก”

• พี่น้องที่รัก จึงไม่ควรแปลกใจ...ที่บรรดาศิษย์ของยอห์นเห็นศิษย์พระเยซูไม่ได้เคร่งครัดกับการจำศีลอดอาหาร... แล้วพวกเขาได้ถาม “ทำไมพวกเราและฟาริสีจำศีล...แต่ศิษย์ของท่านไม่จำศีล”

• พี่น้องที่รัก พี่น้องทราบไหมว่าฟาริสีคือคนถือศาสนาแบบเคร่งกฎเกณฑ์นั้น เคร่งเพียงใด พ่อมีประเด็นจะเล่านิดหน่อยครับ พ่อไปอิสราเอลบ่อยๆ พ่อได้ศึกษาพระคัมภีร์ ได้เห็นความเคร่งครัดของพวกฟาริสีที่เคร่งกับเรื่อง “กฎศาสนามากๆจนเป็นพวกคลั่งกฎ” มีหลายประเด็นครับ
o ชาวยิวเน้นเรื่องการล้างมากๆ ทำความสะอาด ล้างมือ อาบน้ำ เน้นๆๆๆ ความสะอาดมากเสียเหลือเกิน เน้นแต่ภายนอกเรื่องการล้างถ้วยชามภาชนะ แต่บ่อยครั้งไม่ได้ใส่ใจกับความสะอาดภายใน เอาเปรียบ ค้าเอากำไรเกินควร คดโกง ฯลฯ
o ชาวยิว วันสับบาโตเน้นหยุดๆๆๆ ห้ามจุดไฟวันสับบาโต... ขนาดขึ้นลิฟท์วันสับบาโตยังไม่กล้ากด (ขอให้คนอื่นกดให้เพราะโมเสสสั่งห้ามจุดไฟวันสับบาโต) ถ้าไปที่เยรูซาเล็ม ถนนโล่ง ยิวเคร่งไม่ขับรถ ห้ามสตาร์ทคือจุดไฟมั้ง ไม่ทำงาน ไม่ขับรถ เดินไปสวดภาวนา เยอะๆๆ (อย่าเยอะ แต่เยอะมาก) พ่อเคยไปและมีไกด์ยิว...ถ่ายรูปให้เราทุกวัน แต่พอวันเสาร์ คือ สับบาโต ไม่ถ่ายรูปให้เราบอกว่าห้ามจุดไฟ “ขำดีนะครับ” ไกด์เอามือไพ่หลังไม่ยอมถ่ายรูปให้เรา... แต่ แต่... ยังมาทำงานเป็นไกด์ให้เราต่อไป เพราะได้ตังค์ และที่สำคัญวันเสาร์ไปทัวร์ที่อื่นไม่ได้ต้องในเยรูซาเล็มเท่านั้น...เพราะเขาเคร่ง ไม่ออกนอกกรุงตามบัญญัติ (ขำจริงๆนะครับ ไปคราวหน้าพ่อจะกลับเดินทางกลับวันสับบาโต...และบอกไกด์ว่าไม่มีทิปให้เพราะเป็นวันสับบาโต...)
o เรื่องการกินต้องเคร่ง... ไม่กินสัตว์หลายชนิดมาก ปลาต้องมีเกล็ดและมีครีบ ปลาดุดปลาไหล ประเภทนี้รอดตายในอิสราเอล (แต่เสียดายมีแรงานไทยทำงานที่นั่นเยอะมาก ปลาพวกนี้รอดจากยิวแต่คงไม่พ้นคนไทย) สัตว์ที่ยิวจะรับประทานต้องเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องและเท้ากีบในขณะเดียวกัน... หมูเท้ากีบแต่ไม่เคี้ยวเอื้องก็ไม่กิน... เยอะครับ เยอะจริงๆ พ่อเคยได้ยินว่า.. ขนาดไข่ไก่ที่พวกเขาจะกินเขายังต้องเช็คว่าแน่ใจได้นะว่าไข่ฟองนั้นแม่ไก่ไม่ได้ออกไข่ฟองนั้นๆในวันสับบาโต เพราะแม่ไก่ออกไข่เป็นงานหนัก มันทำงานหนักในวันสับบาโต...เยอะนะครับ สัตว์ทะเลกุ้ง หอย ปู พวกมีกาบมีเปลือกแข็ง ยิวไม่กินเลย น่าเห็นใจนะครับ ติดทะเล แต่ไม่ทานสิ่งเหล่านี้... กฎธรรมเนียมศาสนาทั้งสิ้นครับ
o มีอีกเยอะเลยครับ... เพื่อจะเป็นยิวที่ดี มีศาสนา ต้องถือกฎอย่างครบถ้วน 613 ข้อนะครับ เรียกว่าพ่อดีใจที่พ่อไม่ได้เป็นเชื้อชาติยิว... และที่ดีใจมาก เพราะเด็กชายชาวยิวต้องเข้าสุหนัตทุกคน เป็นบัญญัติสำคัญสุดๆ (ดู ปฐก 17) และศาสนาคริสต์สมัยแรกๆ ทุกคนก็มาจากยิว ใครจะเข้าศาสนาคริสต์เชื่อในพระเยซูก็ต้องรับธรรมเนียมยิวด้วย (ก่อนเปาโลกลับใจ) โชคดีครับ ที่เปาโลไปประกาศพระคริสตเจ้า (ท่านเป็นฟาริสีจอมเคร่งที่สุดแต่ได้กลับใจเชื่อในพระเยซู) พ่อดีใจที่เปาโลเองไม่เห็นด้วยที่จะให้คนที่ไม่ใช่ยิวและจะมาเชื่อพระเยซูต้องรับพิธีสุหนัตตามธรรมเนียมยิว... จนเวลานั้นเกิดการถกเถียงวุ่นวาย จนต้องเปาโลและบาร์นาบัสต้องไปสังคายนากันที่กรุงเยรูซาเล็มกับเปโตรและยากอบ นั่นเป็นสังคายนาแรกของพระศาสนจักรเลยครับ (ดู กิจ 15) ที่สุด สังคายนาตัดสินว่า “ไม่ควรเอาแอกที่หนักสำหรับชาวยิวไปวางบนบ่าของคนต่างชาติ... จึงไม่ต้องบังคับให้ต้องถือธรรมเนียมเข้าสุหนัตถ้าจะมาเป็นคริสตชน” (พ่อดีใจแทบแย่ ไม่งั้นพ่อก็คงโดนสุหนัตไปด้วย... เฮ้อ รอดไป)

• พี่น้องที่รักครับ... สรุปว่า ศิษย์พระเยซูเจ้าไม่ต้องเคร่งกับธรรมเนียมอะไรมากมายที่ไม่จำเป็นครับ... เพราะว่าถ้าเราไปศึกษาดีๆ ไตร่ตรองพระคัมภีร์ดีๆจริงๆ เราจะพบกว่าพระเยซูเจ้าเสนอกฎเกณฑ์ใหม่ “บัญญัติใหม่” ไม่หยุมหยิม ไม่วุ่นวาย ไม่ซับซ้อน แต่เป็นบัญญัติแห่งความรักที่เหนือกว่าบัญญัติใดๆในพันธสัญญาเดิม... เรียกว่า บัญญัติทั้งหลายมากมายก่ายกองนั้นมุ่งสู่บัญญัติที่เหนือกว่า และที่สุด คือ “รัก เมตตา” ตามแบบอย่างพระเยซูเจ้า และนี่คือวิถีใหม่ นี่คือสิ่งที่พระวรสารวันนี้เน้น พระเยซูเจ้าตรัสตอบ... “ผ้าใหม่ ไม่ใครปะเสื้อเก่า... เหล่าองุ่นใหม่ไม่ควรใส่ถุงหนังเก่า”
o หมายความว่า ศิษย์พระเยซูเจ้า ต้องเจริญชีวิตบัญญัติใหม่ ไม่ใช่การเน้นเคร่งเรื่องมากมาย การล้าง การจำศีล ศรัทธาแบบต่างๆ แต่ต้อง “เจริญชีวิตด้วยความรักเมตตาเต็มเปี่ยม” พระเยซูเจ้ายอมละกฎวันสับบาโตเพื่อรักและรักษาเยียวยา เพื่อประทานความหวัง ความรอด..

• พี่น้องที่รักพ่อคิดว่าการถือศาสนาหรือการเป็นคริสตชน เราต้องเป็นผู้ใหญ่มากๆ คือ “มีวุฒิภาวะทางความเชื่อและศาสนาจริงๆ” มีชีวิตใหม่ ถือบัญญัติใหม่ ไม่ใช่เคร่งอะไรไปเสียทุกอย่างที่ไม่จำเป็น แต่กลับไม่ได้เจริญชีวิตในความรักเมตตากรุณา.. ถ้าเป็นคริสตชนแบบนั้นเสียดายแย่ เสียเวลาเปล่าครับ..
o ศาสนาไม่ใช่เรื่องกฎเกณฑ์มากมายครับ..
o ศาสนาคือการได้พบพระเจ้าและเจริญชีวิตด้วยบัญญัติของพระองค์ และพระเยซูเจ้าก็ให้บัญญัติใหม่แก่เรา
o เราก็รู้ดีนี่ครับ... “รักพระเจ้าสุดดวงใจ รักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” แค่นี้เอง..ที่นำไปสู่ความรักเมตตา การให้อภัย และภาคปฏิบัติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักครับ...

• พี่น้องที่รักครับ เรื่องธรรมเนียมศาสนา...อย่าเยอะๆ ที่จำเป็นจริงๆ ขาดไม่ได้ “เพื่อคนทั้งหลายเห็นกิจการดีของท่านจะได้สรรเสริญพระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่าน” (ดู มธ 5) สำคัญมากๆ คือ “กิจการดี” นะครับ... บางทีก็เน้นอดอาหารมากมายเน้นมาก แต่ไม่ได้รักพี่น้องเลย ก็ไม่เห็นมีค่าอะไร... เป็นคริสตชน บัญญัติใหม่ บัญญัติแห่งความรักให้ชัดเจนมากๆ
o พอแล้วครับ พ่อขอเสนอกฎที่พ่อใช้บ่อยๆเพื่ออยู่ด้วยกันกับพี่น้องในฐานะคริสตชน โดยเฉพาะไม่ไปแสวงบุญด้วยกัน เราเดินทางด้วยกันเพื่อความสามารถที่จะอยู่ด้วยกัน เดินทางด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่วุ่นวายมาก..พ่อจะเน้นกฎเหล็ก 3 ข้อครับ...คือ
1. อย่าเรื่องมาก
2. อย่ามากเรื่อง
3. อย่าลืมกฎสองข้อแรกนี้เด็ดขาด...
o สรุปสั้นๆ ว่า “อย่าเยอะๆ” แค่นี้พอเลยครับ... อย่าเยอะ อย่ามากเกิ๊น...
o ดังนั้น.... “รักพระเจ้า รักเพื่อนมนุษย์ อย่าลืมสองประการนี้ลงมือปฏิบัติสุดกำลัง พอแล้วครับ” ขอพระเจ้าอวยพรครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก