ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2016

ระลึกถึง น.ปีโอ แห่ปีเอเตรลซีนา พระสงฆ์
ปญจ 3: 1-11/   ลก 9: 18-22

บทอ่านจากพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญลูกา

 วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่เพียงพระองค์เดียว บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้า พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “ประชาชนว่าเราเป็นใคร” เขาทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างว่าเป็นเอลียาห์ บ้างว่าเป็นประกาศกในอดีตคนหนึ่งซึ่งกลับคืนชรดพระเยซูเจ้าทรงถามเขาว่า “ท่านล่ะว่าเราเป็นใคร” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสต์ของพระเจ้า” พระองค์จึงทรงกำชับบรรดาศิษย์มิให้กล่าวเรื่องนี้แก่ผู้ใด


 พระองค์ตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะกลับคืนชีพในวันที่สาม” พระองค์ตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าใครใคร่ตามเรามา ก็ให้เขาสละตนเอง แบกไม้กางเขนของตนทุกวัน และติดตามเรา เพราะผู้ที่ใคร่จะให้ชีวิตของตนรอด ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น ส่วนคนที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นก็จะได้ชีวิตรอด”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

----------

 หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน"
 กระบวนการพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตของคน จึงไม่ได้มีช่องทางอื่น นอกจากบากบั่น เรียนรู้ ไปในหนทางชีวิต

 การบากบั่น เรียนรู้ไปในหนทางชีวิต ดูเหมือนเป็นเรื่อง "เหนื่อย ท้าทาย และต้องทนทุกข์" แต่ การทนทุกข์ในมิติฝ่ายจิตวิญญาณ ไม่ใช่ การทรมานร่ำไป หรือลำบากสุดตัว
 แต่เมื่อมีความทุกข์ มีภาวะต้องบากบั่นฟันฝ่า มีเวลาหยุด ทำให้เราเกิดการไตร่ตรอง ดังคำของปัญญาจารย์ที่บอกว่า

 "ข้าพเจ้าเห็นงานยากลำบากที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์มีงานทำ พระองค์ทรงกระทำให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลา แต่ทรงใส่ความสำนึกถึงเวลาที่ผ่านไปไว้ในใจของมนุษย์" และทำให้ประโยคแห่งการดำเนินชีวิตตามหนทางแห่งไม้กางเขนเด่นชัดที่บอกว่า

 “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก จะถูกบรรดาผู้อาวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูกประหารชีวิต แต่จะกลับคืนชีพในวันที่สาม” พระองค์ตรัสกับทุกคนว่า “ถ้าใครใคร่ตามเรามา ก็ให้เขาสละตนเอง แบกไม้กางเขนของตนทุกวัน และติดตามเรา"