ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2016

น.หลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส
น.โยเซฟ กาลาซานส์ พระสงฆ์
1คร 1: 1-9 / มธ 24: 42-51

บทอ่านจากพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญมัทธิว

 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์ว่า “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายจะมาเมื่อไร พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าบ้านรู้ว่าขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน


จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย ใครเล่าเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ และรอบคอบซึ่งนายแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้ เพื่อแจกจ่ายอาหารให้ตามเวลาที่กำหนด ผู้รับใช้นั้นย่อมเป็นสุข เมื่อนายกลับมาพบเขากำลังทำเช่นนี้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งปวงของตน แต่ถ้าผู้รับใช้นั้นคิดว่า ‘นายจะมาช้า’   แล้วเขาก็เริ่มตบตีเพื่อนผู้รับใช้ กินดื่มกับพวกขี้เมา นายของผู้รับใช้นั้นจะกลับมาในวันที่เขามิได้คาดหมาย ในเวลาที่เขาไม่รู้ นายก็จะแยกเขาออกให้ไปอยู่กับพวกหน้าซื่อใจคด ที่นั่นจะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

—————

 การได้รับพระพรจากพระเจ้า กลับกลายเป็นการทำให้ตัวเอง “หมดไป” ไม่ใช่รอการเติมใส่ให้อีก
 การทำตัวเองหมดไป ดังแบบอย่างนักบุญหลุยส์ กษัตริย์แห่งประเทศฝรั่งเศส พระชีวประวัติตอนหนึ่งระบุไว้ว่า “พระเจ้าหลุยส์ไม่ใช่ผู้ที่มุ่งแสวงหาความสะดวกสบายใส่ตัวเอง ตรงกันข้ามพระองค์ใส่ใจในคนจน และ บรรดาผู้ตกทุกข์ได้ยากในรูปแบบต่างๆ พระองค์จัดตั้งโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อผู้ป่วย”

 ความรักต่อผู้ยากไร้ ทำให้เรา “หมดไป” จนบางทีอาจไม่เหลือ ข้าวของ ทรัพย์สิน หรือ สิ่งครอบครองไว้ แต่ทำให้เรา ปลดเปลืองและสูงส่งได้

 ความรักต่อผู้ยากไร้ ทำให้เราพบความศักดิสิทธิ์ ในกิจการแห่งความรักความเมตตา ดังพระวาจาที่บอกว่า “ใครเล่าเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ และรอบคอบซึ่งนายแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้ เพื่อแจกจ่ายอาหารให้ตามเวลาที่กำหนด
ผู้รับใช้นั้นย่อมเป็นสุข เมื่อนายกลับมาพบเขากำลังทำเช่นนี้”
 ความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตคริสตชน เกิดขึ้นได้จากการสละละตัวเอง เป็นผู้รับใช้ต่อผู้ยากไร้แบบนี้

(Credit จาก Facebook คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์)