ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม 2016 
สัปดาห์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา
พระนางพรหมจารีแห่งภูเขาคาร์แมล

มคา 2: 1-5 / มธ 12: 14-21

บทอ่านจากพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญมัทธิว

 เวลานั้น ชาวฟาริสีจึงไปชุมนุมปรึกษากันว่าจะกำจัดพระองค์ได้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงทราบเรื่องนี้


จึงเสด็จไปจากที่นั่น ผู้คนจำนวนมากติดตามพระองค์ไปพระองค์ทรงรักษาทุกคนให้หายจากโรค แต่ทรงกำชับเขา
มิให้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ ทั้งนี้เพื่อให้ พระวาจาที่ตรัสทาง
ประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า

 “นี่คือผู้รับใช้ที่เราได้เลือกสรรไว้ นี่คือผู้ที่เรารัก ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้จิตของเราแก่เขา และเขาจะประกาศความยุติธรรมแก่นานาชาติ เขาจะไม่ทะเลาะวิวาท และ
จะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึง จะไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาตามลานสาธารณะ เขาจะไม่หักต้นอ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ยังริบหรี่อยู่  จนกว่าเขาจะทำให้ความยุติธรรมมีชัยชนะ นานาชาติ จะมีความหวังในนามของเขา”
 (พระวาจาของพระเจ้า)


————


 การผิดความยุติธรรมต่อกัน เป็นเครื่องหมายของการขาดความรักความเมตตา ที่แสดงถึง “การไม่มีสัญลักษณ์ของการประทับอยู่ของพระเจ้า ณ ตรงนั้น”

 การประทับอยู่ของพระเจ้าองค์ความเมตตา ต้องทำให้เกิดความเป็นธรรม ความปรองดองรักใคร ให้อภัยและให้โอกาส มองเห็นคนมากกว่าเห็นข้าวของผลประโยชน์ มองโอกาสพัฒนามากกว่าเวลาการทำลายล้าง

เหมือนความคิดเห็นของประกาศมีคาห์ ที่พิจารณา “ความไม่ยุติธรรม” ก็คือการขาดความเมตตา ที่บอกว่า
“วิบัติจงเกิดแก่ผู้วางแผนร้าย และคิดทำความชั่วอยู่บนที่นอน พอรุ่งขึ้นตอนเช้า ก็ทำ เพราะเขามีอำนาจจะทำเช่นนั้น เขาอยากได้ทุ่งนาใดก็เข้ายึด เขาอยากได้บ้านใด
ก็ริบไป เขารีดไถทั้งเจ้าของ และบ้านเรือน เขาบีบคน และมรดก”

 ดังนั้น ลักษณะของบุคคลแห่งความเมตตาจึงปรากฎได้ว่า
““นี่คือผู้รับใช้ที่เราได้เลือกสรรไว้ นี่คือผู้ที่เรารัก ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้จิตของเราแก่เขา และเขาจะประกาศความยุติธรรมแก่นานาชาติ เขาจะไม่ทะเลาะวิวาท
และจะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึง จะไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาตามลานสาธารณะ เขาจะไม่หักต้นอ้อที่ช้ำแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ยังริบหรี่อยู่  จนกว่าเขาจะทำให้ความยุติธรรมมีชัยชนะ นานาชาติ จะมีความหวังในนามของเขา”

 

(Credit จาก Facebook คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์)