“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2016

สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลปัสกา

วันนี้เป็นการเล่าเรื่องของเปาโลระยะท้าย เมื่อเปาโลได้มีโอกาสแก้ต่างคดีของตนต่อหน้ากษัตริย์อากริปปาและพระนางเบอร์นิส ที่ซีซารียา... โอโห้เรื่องราวน่าอ่านอย่างยิ่ง ในพระคัมภีร์ประจำวัดจัดให้อ่านเพียงนิดเดียว แต่พ่อจะขอให้อ่านต่อจากที่มีในมิสซา จนจบบทที่ 26 และอันที่จริง บทที่ 26 คือการที่เปาโลได้เล่าเรื่องการกลับใจ การพบพระคริสตเจ้าบนถนนไปดามัสกัส ซึ่งมีเล่ามาแล้วใน กิจการฯบทที่ 9 บทที่ 22 และบัดนี้ บทที่ 26 เป็นการเล่าต่อหน้ากษัตริย์อากริปปา ถือว่าเด็ดสุดครับ โอกาสดีขนาดนี้ เปาโลก็เล่าเรื่องการกลับใจของตนต่อหน้ากษัตริย์... จนที่สุด อากริปากล่าวว่า “อีกนิดเดียว ท่านก็ชักชวนเราให้เป็นคริสตชนได้แล้ว” ดังนั้นวันนี้อ่านพระคัมภีร์ตอนน่ารักสุดยอดตอนนี้กันดีๆนะครับ

กจ 25:13ข-21… พ่อขอให้อ่านต่อ จนจบบทที่ 26 เลยครับ

13สองสามวันต่อมา กษัตริย์อากริปปาและพระนางเบอร์นิส เสด็จมาถึงเมืองซีซารียา เพื่อเยี่ยมเยียนแสดงความยินดีต่อเฟสตัส 14ทั้งสองพระองค์ประทับอยู่ที่นั่นหลายวัน เฟสตัสทูลกษัตริย์เรื่องคดีของเปาโลว่า “เฟลิกซ์ทิ้งชายคนหนึ่งให้ถูกจองจำไว้ที่นี่ 15เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม บรรดาหัวหน้ามหาสมณะและผู้อาวุโสของชาวยิวได้ฟ้องกล่าวโทษเขาและขอให้ลงโทษด้วย
16ข้าพเจ้าตอบว่า “ธรรมเนียมของชาวโรมันจะไม่ตัดสินลงโทษผู้ใดก่อนที่เขาจะมีโอกาสเผชิญหน้ากับผู้กล่าวหาและแก้ข้อกล่าวหานั้น” 17บรรดาผู้กล่าวหามาพบข้าพเจ้าที่นี่ ข้าพเจ้าไม่รีรอ วันรุ่งขึ้นก็นั่งบัลลังก์ สั่งให้นำชายคนนั้นเข้ามา 18บรรดาผู้กล่าวหามารุมล้อมเขา แต่ไม่ได้ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องความผิดดังที่ข้าพเจ้าคาดไว้ 19เขาเพียงแต่ถกเถียงปัญหาเรื่องศาสนาของเขาและเรื่องชายคนหนึ่งชื่อเยซูที่ตายไปแล้ว แต่เปาโลยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ 20ข้าพเจ้าลังเลใจที่จะตัดสินเรื่องทำนองนี้ จึงถามว่า เขาอยากไปกรุงเยรูซาเล็มและรับการพิจารณาคดีที่นั่นไหม 21แต่เปาโลอุทธรณ์ขอสงวนคดีไว้ให้พระจักรพรรดิเป็นผู้ตัดสิน ข้าพเจ้าจึงสั่งให้จองจำเขาไว้จนกว่าข้าพเจ้าจะส่งเขาไปเฝ้าพระจักรพรรดิได้

• 22กษัตริย์อากริปปาตรัสกับเฟสตัสว่า “ข้าพเจ้าก็อยากฟังชายคนนี้ด้วย” เฟสตัสตอบว่า “พรุ่งนี้ พระองค์จะได้ทรงฟังเขา

• 23วันรุ่งขึ้น กษัตริย์อากริปปาและพระนางเบอร์นิสเสด็จเข้ามาในห้องพิจารณาคดีอย่างสง่าพร้อมกับบรรดาผู้บัญชาการกองพันและคนสำคัญของเมือง เฟสตัสสั่งให้นำเปาโลเข้ามา 24แล้วพูดว่า “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปาและทุกท่านซึ่งอยู่กับเราที่นี่ ท่านทั้งหลายเห็นชายคนนี้ไหม เขาเป็นเหตุให้ชาวยิวทั้งหมดทั้งที่กรุงเยรูซาเล็มและที่นี่มาพบข้าพเจ้า ร้องตะโกนว่าเขาต้องไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป 25แต่ข้าพเจ้าไม่พบว่าเขาได้ทำอะไรที่สมควรต้องตาย บัดนี้เขาได้อุทธรณ์ต่อพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจจะส่งเขาไป 26ข้าพเจ้าไม่มีเรื่องใดโดยเฉพาะเกี่ยวกับเขาที่จะเขียนไปทูลพระจักรพรรดิ ข้าพเจ้าจึงนำเขามาต่อหน้าท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา เพื่อจะได้มีข้อมูลบางประการที่จะเขียนได้บ้างจากการสอบสวนนี้ 27เพราะข้าพเจ้าคิดว่า การส่งนักโทษไปรับการพิจารณาคดีโดยไม่ชี้แจงข้อกล่าวหาเป็นเรื่องไร้สาระ

• (บทที่ 26) 1กษัตริย์อากริปปาตรัสกับเปาโลว่า “ท่านได้รับอนุญาตให้พูดแก้ข้อกล่าวหา” เปาโลจึงโบกมือให้ทุกคนเงียบและเริ่มพูดแก้ข้อกล่าวหาว่า

• “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ข้าพเจ้าคิดว่า บัดนี้ ข้าพเจ้าโชคดีที่ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ เพื่อแก้ข้อกล่าวหาทุกข้อที่ชาวยิวฟ้องกล่าวโทษข้าพเจ้า 3โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าคิดว่าพระองค์ทรงรู้จักขนบธรรมเนียมและข้อโต้แย้งต่าง ๆ ของชาวยิว ดังนั้น ขอท่านโปรดอดทนฟังข้าพเจ้าด้วย (จากนี้ไปเปาโลเล่าเรื่องการพบพระคริสตเจ้าของตน อ่านดีๆนะครับ)

• 4ชาวยิวทุกคนรู้วิถีทางดำเนินชีวิตของข้าพเจ้า ตั้งแต่วัยเด็กข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่กับเพื่อนร่วมชาติที่กรุงเยรูซาเล็ม 5เขารู้จักข้าพเจ้ามานานแล้ว และถ้าเขาต้องการเป็นพยานให้ข้าพเจ้า เขาก็เป็นพยานยืนยันได้ว่า ข้าพเจ้าเป็นชาวฟาริสีซึ่งดำเนินชีวิตในกลุ่มที่ปฏิบัติตามหลักศาสนาอย่างเคร่งครัดที่สุด

• 6บัดนี้ข้าพเจ้าต้องถูกพิพากษาเพราะความหวังในพระสัญญาที่ พระเจ้าประทานแก่บรรพบุรุษของเรา 7พวกเราชาวยิวทั้งสิบสองตระกูลรับใช้พระเจ้าตลอดมาทั้งกลางวันและกลางคืน ก็เพราะหวังว่าพระสัญญานี้จะเป็นความจริง ข้าแต่พระราชา ชาวยิว กล่าวหาข้าพเจ้าเพราะความหวังนี้เอง 8ทำไมท่านทั้งหลายจึงคิดว่า พระเจ้าทรงทำให้บรรดาผู้ตาย กลับคืนชีพไม่ได้

• 9ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ข้าพเจ้าต้องทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางนามของเยซู ชาวนาซาเร็ธ

• 10ข้าพเจ้าทำเช่นนี้ที่กรุงเยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าได้รับมอบอำนาจจากบรรดาหัวหน้าสมณะให้จับกุม คริสตชนหลายคนจองจำไว้ในคุก เมื่อเขาถูกพิพากษาประหารชีวิต ข้าพเจ้าก็ลงคะแนนให้ประหารเขาด้วย

• 11ข้าพเจ้าเข้าไปในศาลาธรรมต่าง ๆ หลายครั้ง ทรมานเขา บังคับเขาให้กล่าวดูหมิ่นพระเจ้า ข้าพเจ้าโกรธแค้นบรรดาคริสตชนมาก จึงเบียดเบียนเขาในเมืองต่าง ๆ นอกประเทศอีกด้วย12วันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้รับมอบอำนาจและภารกิจจากบรรดาหัวหน้าสมณะ จึงเดินทางไปยังเมืองดามัสกัสเพื่อจุดประสงค์เดียวกันนี้ 13ข้าแต่พระราชา ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทาง เวลาประมาณเที่ยงวัน ข้าพเจ้าเห็นแสงสว่างจากท้องฟ้า สว่างจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ส่องแสงรอบตัวข้าพเจ้าและเพื่อนร่วมทาง 14เราทุกคนล้มลงที่พื้น ข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดเป็นภาษาฮีบรูว่า “เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม เจ้าจะต้องเจ็บตัวเหมือนวัวถีบปฏัก” 15ข้าพเจ้าจึงถามว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์คือใคร”องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราคือเยซู ที่เจ้ากำลังเบียดเบียน”

• 16บัดนี้ จงลุกขึ้นยืนเถิด เราแสดงตนแก่เจ้า เพื่อแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้ของเรา เจ้าจงเป็นพยานยืนยันสิ่งที่เจ้าเห็นและสิ่งที่เราจะเปิดเผยอีก 17เราจะช่วยให้เจ้าปลอดภัยจากเพื่อนร่วมชาติของเจ้าและจากคนต่างศาสนาที่เราจะส่งเจ้าไปพบ 18เจ้าจะเปิดตาของเขา จะทำให้เขาผ่านพ้นความมืดมาสู่ความสว่าง และผ่านพ้นอำนาจของซาตานมาสู่พระเจ้า เพื่อจะได้รับการอภัยบาป และรับมรดกร่วมกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพราะมีความเชื่อในเรา”

• 19ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ด้วยเหตุดังกล่าวข้าพเจ้าจึงไม่ต่อต้านภาพนิมิตจากสวรรค์ 20ข้าพเจ้าเทศน์สอนชาวเมืองดามัสกัสก่อน แล้วต่อมาจึงเทศน์สอนชาวกรุงเยรูซาเล็มและผู้คนในแคว้นยูเดียทั้งหมด รวมทั้งคนต่างศาสนาให้กลับใจและหันมาสู่พระเจ้า ปฏิบัติกิจการที่แสดงการกลับใจอย่างแท้จริง 21เพราะเหตุนี้ชาวยิวจึงจับกุมข้าพเจ้าในพระวิหาร และพยายามฆ่าข้าพเจ้า 22แต่พระเจ้าทรงช่วยเหลือข้าพเจ้าจนถึงวันนี้ ข้าพเจ้าเป็นพยานเสมอมาทั้งต่อหน้าผู้น้อยและผู้ใหญ่ ข้าพเจ้ายืนยันแต่เพียงสิ่งที่บรรดาประกาศกและโมเสสกล่าวไว้ว่าจะต้องเกิดขึ้น 23คือพระคริสตเจ้าจะต้องรับทรมาน และจะทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเป็นพระองค์แรก จะทรงประกาศแสงสว่างแก่ประชากรอิสราเอลและแก่บรรดาคนต่างศาสนา”

• 24ขณะที่เปาโลกำลังพูดเช่นนี้เพื่อแก้ข้อกล่าวหา เฟสตัสตะโกนเสียงดังว่า “เปาโล ท่านเป็นบ้าแล้วหรือ การเรียนมากทำให้ท่านเป็นบ้า”

• 25เปาโลตอบว่า “ท่านเฟสตัสที่เคารพอย่างสูง ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นบ้า ข้าพเจ้ากำลังพูดความจริงสมเหตุสมผล 26กษัตริย์อากริปปาทรงทราบเรื่องเหล่านี้ดี ข้าพเจ้าทูลพระองค์ได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะข้าพเจ้าคิดว่า เหตุการณ์ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้มิได้เกิดขึ้นในที่ลับตา จึงเป็นที่ทราบดีแก่พระองค์ 27ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา พระองค์ทรงเชื่อบรรดาประกาศกมิใช่หรือ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงเชื่อ”

• 28กษัตริย์อากริปปาจึงทรงตอบเปาโลว่า “อีกนิดเดียว ท่านก็ชักชวนเราให้เป็นคริสตชนได้แล้ว

• 29เปาโลตอบว่า “อีกนิดเดียวหรือไม่นิดเดียว ข้าพเจ้าไม่รู้ แต่ข้าพเจ้าก็อธิษฐานต่อ พระเจ้าให้พระองค์และทุกคนที่กำลังฟังข้าพเจ้าในวันนี้กลับเป็นอย่างที่ข้าพเจ้าเป็น แต่อย่าถูกพันธนาการเช่นนี้”

• 30กษัตริย์อากริปปาทรงลุกขึ้นพร้อมกับผู้ว่าราชการ พระนางเบอร์นิสและทุกคนที่ประชุมอยู่ที่นั่น 31ขณะที่ทุกคนกำลังออกจากห้อง ต่างก็พูดกันว่า “ชายผู้นี้ไม่ได้ทำผิดอะไร ที่สมควรจะถูกประหารชีวิตหรือถูกจองจำ” 32กษัตริย์อากริปปาตรัสกับเฟสตัสว่า “ถ้าชายผู้นี้ไม่ได้อุทธรณ์ต่อพระจักรพรรดิ เขาน่าจะถูกปล่อยไปก่อนนี้แล้ว”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง
• วันนี้ขอเสนอการไตร่ตรองเพียงสั้นๆ เพราะพ่อให้อ่านสิ่งที่มีค่ามากๆคือพระคัมภีร์ครับ
o “เกือบไปแล้ว เปาโลเกือบทำให้กษัตริย์อากริปปากลับใจเป็นคริสตชนแล้ว....”
o ไม่น่าเชื่อเลยว่า ประสบการณ์การพบพระคริสตเจ้าของเปาโลจะทรงพลังขนาดนี้ จะทำให้กษัตริย์อากริปปา ซึ่งอาจจะฟังจนรำคาญและก็พูดไปว่า เกือบกลับใจ อาจะเป็นการพูดแบบประชดประชันก็ได้ แต่
o สำหรับนักบุญลูกาผู้บันทึกหนังสือกิจการอัครสาวก พ่อมั่นใจว่า ลูกาต้องการสื่อให้เราได้อ่าน ได้เห็นว่า ไม่น่าเชื่อ การกลับใจของเปาโล การได้พบพระคริสตเจ้าจะกลับกลายเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินจริงๆ
o น่าทึ่ง เปาโลเกือบจะสามารถทำให้อากริปปากลับใจด้วยประสบการณ์ของตน

• เปาโลมีโอกาสได้ประกาศชีวิตการกลับใจของท่าน การกลับใจมาติดตามพระเยซูเจ้า ประสบการณ์บนถนนไปเมืองดามัสกัส
o ท่านมีโอกาสเล่าประสบการณ์นั้นต่อหน้ากษัตริย์อากริปปาเลยทีเดียว
o เปาโลได้เล่าเรื่องการกลับใจของเปาโล ในการเล่าเรื่องการกลับใจครั้งนี้ เรียกว่าเปาโลมีโอกาสจนได้มาที่ได้ยืนต่อหน้าอากริปปา และที่สำคัญ อากริปปาอยากฟังเปาโล และเกือบกลับใจเพราะเปาโลเสียแล้ว...

• พี่น้องที่รัก ที่สุด เมื่อได้กล่าวจบ... ท่านกลับได้รับอิสรภาพ และไม่ต้องถูกจองจำอีกต่อไป เพราะพระคัมภีร์เน้นว่า เรื่องศาสนา และความเชื่อ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาถูกจำเอาเสียเลยด้วยซ้ำ
o เปาโลได้รับอิสระและได้รับการปลดปล่อย และ
o ที่สำคัญ พ่ออยากเน้นว่า แม้แต่อากริปปายังยินดีฟังเปาโลจนจบ แสดงว่า ประสบการณ์เรื่องการกลับใจของท่าน ประสบการณ์การได้พบพระคริสตเจ้านั้น มีพลังและมีอำนาจนำความปรารถนาที่จะกลับใจเสมอ...

• เราจะจบเทศกาลปัสกาแล้ว กิจการอัครสาวกที่อ่านมาโดยตลอดเทศกาลจะจบแล้ว พ่อเชิญชวนพวกเรานะครับ
o จากนี้ไป ดำเนินชีวิตด้วย “กิจการอัครสาวก” คือให้กิจการของเราทุกวันเป็นกิจการของศิษย์พระเยซูเจ้า กิจการแห่งความรักเสมอไปนะครับ
o พระเจ้าอวยพรครับ และน่าจะมีคนปรารถนาจะรู้จักพระเยซูเจ้ามากขึ้นเพราะชีวิตและวาจาของเราเสมอครับ
1. กล้าหาญที่จะเล่าเรื่องพระเยซูเจ้า
2. จงกล้าหาญที่จะประกาศประสบการณ์ดีๆของเราที่เคยได้รับ ได้สัมผัสกับความรักของพระเยซูเจ้า
3. จงกล้าหาญที่จะเป็นประกาศกสำหรับปัจจุบันนะครับ

• พ่อขอสรุปด้วยคำสอนขอพระสันตะปาปาฟรังซิสครับ... EG 3 พระสันตะปาปาสอนให้เรากล้า... นักบุญเปาโล เคยเป็นคนปฏิเสธพระเจ้า แต่ท่านกล้าหาญ และได้มีประสบการณ์พบพระเยซูเจ้า และกล้าหาญเหลือเกิน ขอให้เราอ่านคำสอนของพระสันตะปาปาฟรังซิสข้อนี้ดี เพื่อเตือนใจเราให้กล้าหาญที่จะเป็นผู้พบพระคริสตเจ้า และร้อนรนที่จะรักและประกาศพระคริสตเจ้าเสมอเช่นกันครับ
o ข้าพเจ้าขอเชื้อเชิญคริสตชนแต่ละคนในวันนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดหรือในสถานการณ์ใด ให้ฟื้นฟูการพบกับพระเยซูคริสตเจ้าเป็นการส่วนตัว หรืออย่างน้อยให้ตัดสินใจที่จะพบและแสวงหาพระองค์เสมอในแต่ละวัน ไม่มีเหตุผลใดที่บุคคลหนึ่งจะคิดว่าคำเชื้อเชิญนี้มิใช่สำหรับเขา เพราะ “ไม่มีบุคคลใดถูกกีดกันจากความชื่นชมยินดีที่พระคริสตเจ้าทรงนำมาให้เรา”
o พระเจ้าจะไม่ทรงทำให้บุคคลที่ยอมเสี่ยงต้องผิดหวัง และเมื่อบุคคลหนึ่งเริ่มต้นก้าวเข้าหาพระเยซูเจ้า เขาจะค้นพบว่า พระองค์ทรงคอยให้เขามาหาพระองค์ด้วยพระกรที่เปิดกว้างอยู่แล้ว เป็นช่วงเวลาที่เราจะทูลพระเยซูเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ลูกผิดพลาดไปแล้ว ลูกได้หนีจากความรักของพระองค์ในลักษณะต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ลูกมาอยู่ที่นี่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อรื้อฟื้นพันธสัญญาของลูกกับพระองค์ ลูกต้องการพระองค์ ขอโปรดทรงไถ่กู้ลูกอีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าข้า โปรดรับลูกเข้าสู่อ้อมพระกรแห่งการช่วยให้รอดของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง”
o เป็นเรื่องดีสำหรับเราที่จะกลับมาหาพระองค์ เมื่อเราหลงทาง ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า พระเจ้าไม่เคยทรงอ่อนล้าที่จะให้อภัย เป็นเราเองที่อ่อนล้าที่จะขอพระเมตตาจากพระองค์ พระองค์ผู้ทรงเชื้อเชิญเราให้ยกโทษ “เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง” (มธ 18:22) ทรงเป็นแบบอย่างแก่เรา พระองค์ทรงให้อภัยเจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง พระองค์ทรงกลับมาแบกเราขึ้นบนบ่าของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีใครสามารถมาเอาศักดิ์ศรีที่เราได้รับจากความรักอันมั่นคงและไม่สิ้นสุดของพระองค์ไปจากเราได้
o พระองค์ทรงให้เราเงยหน้าขึ้นและเริ่มต้นใหม่ ด้วยความรักอันอ่อนโยนที่ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง และทำให้เรามีความชื่นชมยินดีเสมอ ขอให้เราอย่าหนีไปจากการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า อย่าปล่อยให้ตนเองเป็นผู้พ่ายแพ้ ไม่มีสิ่งใดสำคัญยิ่งไปกว่าชีวิตของพระองค์ที่ทรงผลักดันเราไปข้างหน้า

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก