“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 4 กันยายน 2015
สัปดาห์ที่ยี่สิบสอง เทศกาลธรรมดา
ลก 5:33-39…

33มีผู้ทูลพระเยซูเจ้าว่า “ศิษย์ของยอห์นจำศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนาบ่อยๆ ศิษย์ของชาวฟาริสีก็ทำเช่นเดียวกัน ส่วนศิษย์ของท่านกินและดื่ม” 34พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านจะให้ผู้รับเชิญมาในงานแต่งงานจำศีลอดอาหารได้หรือขณะที่เจ้าบ่าวยัง อยู่ด้วย 35แต่จะมีวันหนึ่งที่เจ้าบ่าวถูกแยกจากไป วันนั้นผู้รับเชิญจะจำศีลอดอาหาร”
36พระองค์ยังตรัสอุปมาให้เขาฟังอีกว่า “ไม่มีใครฉีกผ้าจากเสื้อใหม่ไปปะเสื้อเก่า เพราะเสื้อใหม่จะขาด และผ้าจากเสื้อใหม่จะไม่เข้ากับเสื้อเก่าอีกด้วย
37ไม่มีใครใส่เหล้าองุ่นใหม่ลงในถุงหนังเก่า เพราะเหล้าใหม่จะทำให้ถุงหนังขาด เหล้าจะรั่ว และถุงหนังก็จะเสีย 38แต่ต้องใส่เหล้าใหม่ลงในถุงหนังใหม่ 39ไม่มีใครที่ดื่มเหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากดื่มเหล้าใหม่ เพราะเขาย่อมกล่าวว่า “เหล้าเก่านั้นดีกว่า’”

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง 
• พระวาจาวันนี้มีสามประเด็นความคิดเปรียบเทียบที่รับกัน คือ

o ผ้าใหม่เหมาะกับผ้าใหม่ ไม่มีใครเอาผ้าใหม่ไปปะเสื้อเก่า และ

o เหล้าองุ่นใหม่ก็ไม่เหมาะกับถุงหนังเก่า เพราะถุงหนังเก่าจะขาด ระเบิดแตกเสียหาย

o ไม่มีใครที่ดื่มเหล้าองุ่นเก่าแล้วอยากดื่มเหล้าใหม่ เพราะเขาย่อมกล่าวว่า “เหล้าเก่านั้นดีกว่า’”


• สำหรับพระเยซูเจ้าสิ่งที่ต้องการจะบอกกับประชาชนคือถึงยุคใหม่แล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเจริญชีวิตในกรอบของสิ่งใหม่ พันธสัญญาเดิมแบบฟาริสีที่เคร่งครัดมักกฎหมายและกดขี่คนอื่นๆด้วยกฎหมายนั้น หมดสมัยแล้วจริงๆ ต้องเจริญชีวิตตามกฎหมายใหม่... กฎหมายของเดิมที่ฟาริสีและธรรมาจารย์ได้ขยายออกมาเป็นยิบย่อยๆ เรียกว่าจะเป็นยิวที่ดีต้องมีกฎเป็นร้อยๆข้อให้ต้องถือหรือต้องโทษถ้าไม่ถือ


• แน่นอน เพื่อเป็นยิวที่ดีต้องถือกฎ 613 ข้อ แย่แน่ๆ (เยอะอ่ะ) กฎในเรื่องความไม่เป็นมลทิน การจำศีล การภาวนา การชำระล้าง การชำระมลทิน สิ่งที่กินได้ ไม่ได้ หลายสิ่งหลายอย่างพ่อคิดว่าถ้าจะต้องพิจารณาคงมีมากมายในหนังสือเลวีนิติ ต้องท่องบ่นขึ้นใจ ถือได้ครบคือคนดี คนมีศาสนา... เหนื่อยกับสิ่งที่ชาวยิวโดยนักบุญเปาโลและแม้แต่เปโตรและยากอบ ยากอบคือพระสังฆราชที่เยรูซาเล็มสมัยเปาโลเดินทางไปประกาศข่าวดี ยากอบเองยังเรียกกฎที่มีมากมายนี้ว่า “แอก” หรือ “ภาระ” หรือ “เป็นความยุ่งยาก”

• พี่น้องคงจำสังคายนาที่เยรูซาเล็มได้นะครับ พ่อทบทวนให้ดูนิดหนึ่ง

o แน่นอนครับ เพราะวันนี้ที่พ่อนั่งเขียนพระวาจาของวันพรุ่งนี้ วันนี้เป็นวันแข่งขันของเด็กๆ (Bangkok Bible Contest) พวกเขาจะแข่งกันตอบคำถามและปรากาศความรู้ ถึงใหนังสือกิจการอัครสาวก เด็กๆคงรู้เรื่องสังคายนาที่เยรูซาเล็มขึ้นใจมากๆ 

o เรามาดูหน่อยครับ... เดี๋ยวเด็กนักเรียนจะแซงพวกเราไปมาก... หนังสือ กจ 15 สังคายนาที่เยรูซาเล็มก็เรื่องแบบนี้ “กฎ” เพราะเปาโลซึ่งเป็นยิวแสนเคร่งและอดีตฟาริสีตัวยงจอมบางการกฎเกณฑ์ แต่เมื่อได้พบพระคริสตเจ้าแล้ว... ท่านเหลือกฎเหล็กเพียงประการเดียว คือ “กฎแห่งความรักแบบพระคริสตเจ้า” กฎอื่นๆ กลายเป็นปัญหาเมื่อท่านไปเทศนามีคนกลับใจ คนที่ไม่ใช่ยิว ไม่เคยรับพิธีสุหนัตตามธรรมบัญญัติ และตามพันธสัญญา (เทียบ ปฐก 17) 

o ปัญหาคือชาวยิวเคร่งครัดต้องการให้คนที่มาเชื่อในพระเยซูเจ้า ต้องรับกฎการเข้าสุหนัตและกฎต่างๆของชาวยิวด้วย แต่เปาโลที่เคยแสนเคร่งกลับเห็นกฎมากมายเป็นอุปสรรคที่จะรักแบบพระคริสตเจ้า ท่านต้องขึ้นไปเยรูซาเล็ม ไปประชุมกับเคฟาสหรือเปโตร และยากอบ... จนที่สุด ที่ประชุมสรุปด้วยคำพูดของยากอบ.... คือ

o ในการตัดสินจากสังคายนาที่เยรูซาเล็ม ยากอบได้ประกาศว่า.... “ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า ไม่ควรก่อความยุ่งยากแก่คนต่างศาสนาที่กลับใจมาหาพระเจ้า”

• สรุปว่า กฎมายที่ยิบย่อยถูกลบไปในการเข้ามาเป็นคริสตชน เหลือแต่เพียงบางสิ่งเท่านั้น และอันที่จริง เยรูซาเล็มก็สั่งมาสามประการให้ถือ...คือ 

1. งดกินเลือดสัตว์ที่ถูกลัดคอให้ตาย (เลือดคือชีวิต ไม่กินชีวิตว่าอย่างนั้นเถิด)

2. ห้ามการแต่งงานที่ไม่ถูกต้อง

3. ห้ามกินของถวายแก่รูปเคารพ

• นี่คือสามข้อที่เยรูซาเล็มเขียนประกาศสรุปออกมา แต่เปาโลกับบรานาบัสเมื่อออกไปแล้ว ท่านก็ลืมเรื่องสามประกาศนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เพราะสามข้อนี้ก็ยังยิบย่อยกับธรรมเนียมอีกนั่นเอง... สร้างความวุ่นวายให้กับการประกาศข่าวดี แต่เปาโลกก็ไม่ได้ทิ้งสังคายนาที่เยรูซาเล็มท่านก็ถือนะครับ ท่านประกาศ และในจดหมายของท่านที่เขียนถึงชาวกาลาเทีย... ท่านได้เล่าเรื่องสังคายนาที่เยรูซาเล็มให้ฟังด้วย ดู กท 2 ท่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับสามข้อที่เยรูซาเล็มสั่งมากเลย ท่านเขียนเล่าว่าได้ไปพบกับเปคฟาส และได้พบกับยากอบ และพวกเขาสั่งมาถึงประเด็นสำคัญคือ “อย่าได้ทอดทิ้งคนยากจน ซึ่งพวกเราก็ปรารถนาจะถือกฎข้อนี้อยู่แล้ว”

• โอ โอ โอ เปาโล...จอมกฎเกณฑ์ บัดนี้ ลบกฎยิบย่อยที่ถือทั้งหมดทิ้งไปเลย แทบไม่ให้ความสำคัญเลย ท่านดูเหมือนจะเดินตามพระคริสตเจ้าจริงๆ ไม่มีกฎเก่าใดสำคัญเท่ากับกฎใหม่ คือ “กฎแห่งความรักเมตตา” (อย่าทอดทิ้งคนยากจน) และเปาโลก็ได้เลิกเป็นคนบ้ากฎเกณฑ์เป็นหลายร้อยข้อที่เคยถือเคร่งแบบฟาริสี เมื่อท่านได้พบพระคริสตเจ้าแล้ว ท่านเลือกถือกฎหมายใหม่เพียงข้อสำคัญที่สุด คือ “กฎแห่งความรัก” แบบที่พระคริสตเจ้าทรงรัก และทรงมอบชีวิตเพื่อความรักที่ทรงรักมนุษย์...

• พี่น้องที่รักครับ พ่อเห็นด้วยกับเปาโล...และเห็นชัดกับคำสอนของพระเยซูเจ้า พระองค์เองก็พร้อมละเมิดกฎหนักๆของชาวยิว พระองค์เป็นยิวและต้องเป็นยิวที่ดีที่สุด แต่ฟาริสีธรรมจารย์ไม่ชอบพระองค์ เกลียด และเอาตาย.. เพราะอะไร เพราะ
1. พระองค์ละเมิดวันสับบาโต สับบาโตห้ามทำงาน แต่พระองค์ช่วยเหลือ รักษา เยียวยา สั่งคนง่อยให้แบกแคร่กลับบ้าน ... พวกเขาจึงโกรธพระองค์เพราะติดกับกฎห้ามทำงาน แต่พระองค์ทำงานของพระบิดา “งานแห่งความรัก” ชาวยิวก็ไม่พอใจ เอากฎหมายมาจับผิดพระองค์ (กฎเก่าๆมากมาย แต่ดันเอามาจับผิดองค์กฎหมายนิรันดร คือ กฎแห่งความรักเมตตา...)
2. พระองค์สอนอย่างทรงอำนาจ ไม่เหมือนพวกเขา พระองค์สอนด้วยวาจาทรงพลัง แต่พวกเขาสอนด้วยคำของโมเสสและที่รับต่อๆกันมา อ้างทุกคนที่ดังๆ แต่พระองค์อ้างถึงความเป็นพระองค์เอง... พวกนี้จึงรู้ว่าพระองค์ได้รับความนิยม ก็ไม่ชอบพระองค์ พวกเขากำลังหมดอำนาจ
3. พวกเขาชอบจับผิด แต่พระองค์เห็นผิดก็ให้อภัย พระวรสารวันนี้พวกเขาก็จับผิด ตำหนิ ศิษย์ของยอห์นบัปติสจำศีลอดอาหาร แต่ศิษย์พระเยซูเจ้าไม่ได้ถือ... ตำหนิ พระองค์จึงสอนพวกเขาให้ถือกฎใหม่ที่สำคัญ ไม่ใช่ธรรมเนียมมากมายของบรรพบุรุษที่พวกเขาเองก็ไม่เข้าใจ... กฎใหม่ ชีวิตใหม่ต้องถือกฎใหม่ เหมือนเหล้าองุ่นใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่... ผ้าใหม่ปะเสื้อใหม่ ไม่เอาไปปะเสื้อเก่า ก็พังหมด

• ความหมายของพระเยซูเจ้า คือ บัดนี้ ถึงเวลาของบัญญัติใหม่ พระเจ้าที่เสด็จลงมาเป็นมนุษย์ในพระองค์แล้ว ไม่ใช่พระเจ้าที่เคยอยู่ห่างไกลที่ต้องกลัวเกรงและทำตัวดีไม่ผิดกฎเพราะกลัว การลงโทษ จนไม่กล้าแม้แต่จะทำความดีด้วยซ้ำ.....แต่พระองค์ต้องการสอน ด้วยพระองค์เอง เป็นเหล้าองุ่นใหม่ เป็นความยินดีใหม่ เป็นผ้าใหม่ ที่ต้องเจริญชีวิตใหม่ ไม่ใช่หมกมุ่นกับกฎมากมายจนลืมกฎแห่งความรักและความเมตตาทิ้งไป
• บ่อยครั้ง ชาวยิวไม่กล้าทำความดีเพราะผิดธรรมเนียม เห็นคนเจ็บนอนปางตายแบบเรื่องในลูกาเช่นกัน “ชาวสะมาเรียผู้ใจดี” ไม่กล้าช่วย ช่วยไม่ได้ เพราะตนเองเป็นพระสงฆ์ เป็นเลวี ถือกฎเคร่ง การแตะเลือด มือเปื้นเลือดไม่ได้ เพราะเป็นคนดีคนศักดิ์สิทธิ์ จะไม่แตะเลือดคนเจ็บ จะเป็นมลทิน เลยเดินข้ามไปอีกฝั่งของถนน... อยากทำดีไม๊ อยากช่วยไม๊ น่าจะอยากนะ แต่มันผิดธรรมเนียม... เกินไป

o ลูกาเล่าเรื่องนี้ในเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี และพระเยซูเจ้าตั้งคำถามเลย ใครในสามคนนี้คือเพื่อนพี่น้องของเขา... แน่นอนคำตอบคือ “ชาวสะมาเรีย” แต่พวกธรรมาจารย์ฟาริสีก็ตอบเลี่ยงไป ตอบว่า “คนที่ช่วยเหลือเขา” 

o ต้องบอกว่า ดูมันสิ...ดูมั๊น...ดูมัน...เหอๆๆๆ เพราะชาวยิวเกลียดชาวสะมาเรีย และสรุปว่าพวกชาวสะมาเรียเป็นพวกเลือดผสมต่างชาติ มีมลทิน มันยังไม่ยอมตอบว่า “ชาวสะมาเรียเลย” เพราะมันกลัวปากมีมลทิน...ฮา... แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า ก็คนที่ทำความดีช่วยเหลือเขา...)

• พี่น้องที่รัก กฎเกณฑ์สำคัญหรือบัญญัติสำคัญของเราคริสตชนเหลือเพียงข้อเดียว และต่อเนื่อกันเป็นสองข้อย่อย อย่าลืมนะครับ.. “จงรักพระเจ้าสุดดวงใจ และจงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” แค่นี้ ไม่มีแอกหรือภาระมากมาย และนี้คือสิ่งใหม่ ผ้าใหม่ เหล้าใหม่และถุงหนังใหม่ ที่ถูกเตียมไว้แต่กาลนานเป็นเหล้าองุ่นที่บ่มไว้ในความรักและแผนการณ์แห่ง ความรอดที่พระเจ้าเตรียมไว้ เป็นสิ่งที่ดีกว่า เป็นเหล้าองุ่นที่บ่มสุขหลายพันปีแห่งการรอคอย คือ พระเยซูเจ้า เหล้าองุ่นที่ดีที่สุด (ดู ยน 2) จนทุกคนประหลาดใจ

• พ่อคิดว่า ถึงเวลาแล้วคับร เวลาแห่งการเจริญชีวิตคริสตชนแบบใหม่ ใช่พ่อรู้ว่ามีธรรมเนียมคริสตชนเยอะแยะเช่นกันแต่ก็นะ... “อย่าเยอะ อย่าเยอะ” และ “อย่าเพียงแต่... เอาที่สบายใจแล้วกัน” แต่.... “เอาที่ถูกต้องดีกว่า” คือ แบบพระเยซูเจ้า บัญญัติแห่งความรักเมตตา...
o พระสันตะปาปาฟรังซิสก็ไม่เอาธรรมเนียมเยอะ พระองค์ก็ไม่เยอะ ไม่รกวุ่นวาย แต่เรียบง่าย แตะถึงคนยากจน รักคนยากจน และทรงเลือกแบบเรียบง่ายพอเพียงไม่หรูเวอร์เช่นกัน... 

o ถึงเวลาแล้วครับ ชาติเราก็งดงามด้วยคำสอนแห่งปรีชาณชั้นเลิศ “เศรษฐกิจพอเพียง” พระเจ้าอยู่หัวก็สอนเราเสมอและทรงเป็นเช่นนั้น... 

o เราต้อง อย่าเยอะ อย่าเยอะ อย่าเฟ้อฟุ้งจนฟุ้งซ่านแต่ทำเป็นฟรุ้งฟริ้งกันไปใด้ดูเลิศ แต่บอบช้ำซ้ำหนี้สินกันอยู่ภายในเพระสิ่งของ มากกว่าเพื่อความดีแห่งความรักและความเมตา... 

o พอแล้ว เยอะอ่ะ ไม่อยากเยอะไปกว่านี้... ขอพระเจ้าอวยพร ให้ไม่เยอะเกิน แต่เต็มแน่นด้วยความดีและความรักเมตตา...นะครับ

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก