“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม 2015
สัปดาห์ที่สาม เทศกาลมหาพรต
ลก 4:24-30…
24แล้วพระองค์ยังทรงเสริมอีกว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน
25เราบอกความจริงอีกว่าในสมัยประกาศกเอลียาห์ เมื่อฝนไม่ตกเป็นเวลาสามปีหกเดือน และเกิดความอดอยากครั้งใหญ่ทั่วแผ่นดิน มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอล 26แต่พระเจ้ามิได้ทรงส่งประกาศกเอลียาห์ไปหาหญิงม่ายเหล่านี้ นอกจากหญิงม่ายที่เมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน 27ในสมัยประกาศกเอลีชา มีคนโรคเรื้อนหลายคนในอิสราเอล แต่ไม่มีใครได้รับการรักษาให้หายจากโรค นอกจากนาอามานชาวซีเรียเท่านั้น’”
28เมื่อคนที่อยู่ในศาลาธรรมได้ยินเช่นนี้ ทุกคนโกรธเคืองยิ่งนัก 29จึงลุกขึ้นขับไล่พระองค์ออกไปจากเมือง นำไปที่หน้าผาของเนินเขาที่เมืองตั้งอยู่ ตั้งใจจะผลักพระองค์ลงไป 30แต่พระองค์ทรงดำเนินฝ่ากลุ่มคนเหล่านั้น แล้วเสด็จจากไป

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• เมื่อสามอาทิตย์ก่อนหน้านี้เอง พ่อได้ไปที่นาซาแร็ธอีกครั้ง ครั้งนี้พ่อได้ขึ้นไปบนยอดเขาที่นาซาแร็ธเมืองที่พระเยซูเจ้าทรงเจริญ พระชนม์ขึ้นตลอดเวลาสามสิบปี พ่อได้มีโอกาสขึ้นไปบนยอดเขาที่เป็นหน้าผาด้วย หน้าผาที่ธรรมประเพณีบอกว่า พระเยซูเจ้าเคยถูกผลักดันมาที่หน้าผานี้โดยตั้งใจที่จะผลักพระองค์คงไป แต่พระองค์ได้เสด็จฝ่าจากไป... พ่อขึ้นไปบนยอดเขานี้ คับสุงจริงๆ และอากาศครั้งนี้ที่พ่อไปก็หนาวเหน็บ... พ่อลงไปเดิน เดินเงียบๆ ขณะที่บรรดาคุณพ่ออีกหลายท่านได้ไปเดิน ไปถ่ายรูป แต่พ่อปลีกตัวออกมานิดเพราะมีเวลาเยอะหน่อย และคืนนั้น พวกเราก็พักที่โรงแรมที่นาซาแร็ธด้วย พ่อจึงมีเวลาเดินเงียบๆ ลมแรงมากๆ อากาศเย็นเยือกกับเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นฤดูหนาวและเป็นช่วงหนาวสุดด้วย

• พ่อจำได้ว่า พ่อมีเวลาเดินเงียบๆประมาณสิบห้านาที... พ่อมองย้อนไปที่เมืองนาซาแร็ธที่อยู่บนเขา พ่อมองเพื่อเห็นภาพพระวรสารที่เราได้อ่านวันนี้ พระเยซูทรงอำนาจมากแต่วันนี้พระองค์กลับมานาซาแร็ธและเหตุการณ์ก็บอกกับ เรา...


• พ่อเดินไตร่ตรองบนเขาลูกนั้น...พ่อถามตนเองทำไมพระเยซูเจ้าตรัสเช่นนั้น ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน’


• พ่อเชื่อว่า พระเยซูเจ้าน่าจะไม่ได้รับการต้อนรับในนาซาแร็ธมากนัก พ่อคิดว่า ไม่แปลก

o เพราะคนที่น่าซาแร็ธเห็นพระองค์สมัยเป็นเด็ก

o เคยเห็นพระองค์เป็นเด็กเล็กๆ เป็นเจ้าหนูน้อยคนที่ชื่อเยซูบาร์โยเซฟ บาร์ดาวิด (เยซูบุตรโยเซฟ บุตรดาวิด) คงมีคนในหมู่บ้านนับกสิบนับร้อยนามสกุล “บุตรดาวิด” 

o ทรงประทับในครอบครัวเล็กๆ น่าจะยากจนด้วย หรืออาจจะปานกลางและไม่ร่ำรวยนักนักวิชาการคิดว่า ถ้านักบุญโยเซฟและแม่พระสามารถพาพระองค์ไปฉลองที่เยรูซาเล็มได้ในวัยสิบสอง ขวบ และโอกาสอื่นๆ แสดงว่า ครอบครัวของพระองค์น่าจะมีฐานะพ่อจะสามารถเดินทางไปได้... แต่ก็ไม่แปลกเพราะพระองค์ในวัยเด็กก็คงจะเป็นที่รู้จัก และเห็นได้จากคนรอบข้างในหมู่บ้านเล็กๆที่นาซาแร็ธ...


• แล้วทำไมพระองค์จึงตรัสเช่นนั้น ว่าประกาศกไม่ได้รับเกียรติในบ้านเมืองของตน 

o เรื่องนี้เราต้องย้อนขึ้นไปอ่านพระวรสารก่อนหน้านี้... พระวรสารเล่าว่าพระองค์เสด็จกลับมาที่นาซาแร็ธ... และพระองค์เสด็จเข้าไปในศาลาธรรมตามหน้าที่ของชาวยิวผู้ศรัทธา 

o ภาพก่อนหน้านี้เล่าว่า ในศาลาธรรมที่นาซาแร็ธ พระองค์ได้อ่านพระคัมภีร์หนังสือประกาศกอิสยาห์ในท่ามกลางประชาชนที่นั่น หนังสือประกาศกอิสยาห์ที่พระองค์อ่าน..ที่กล่าวถึงเวลาแห่งความโปรดปรานของ พระเจ้า พระคัมภีร์ตอนที่กล่าวถึงการเปิดตาของคนตาบอด ประกาศอิสรภาพและเชลย...

o แล้วพระองค์ม้วนหนังสือปิดส่งคืน และเตรียมจะเทศนาหรือกล่าวบางคำเพื่อสรรเสริญพระเจ้า... และพระองค์ได้ตรัส “ทุกสิ่งพวกท่านได้ยินกับหูได้สำเร็จลงในวันนี้” 

o ผลตอนแรกคือ...และทุกคนในศาลาธรรมทึ่งและจ้องมองดูพระองค์ และก็ชมเชยพระองค์ด้วยสายตาและความชื่นชม เพราะอันที่จริงคำทำนายทั้งหลายของประกาศกถึงพระคริสตเจ้า พระแมสซียาห์ก็ได้สำเร็จวันนี้ (คือในพระองค์พระเยซู) สายตาคนส่วนใหญ่ในศาลาธรรมน่าจะเชื่อกันหมด เพราะได้ยินเรื่องดีๆมากมายในชีวิตของพระองค์ทั่วกาลิลี ทรงทำอัศจรรย์มากมาย ทรงปรีชาเหนือใครๆ (ทุกคนคงรู้ว่าพระองค์ปรีชามากมาตั้งแต่เด็ก เคยนั่งสนทนากับบรรดาธรรมมาจารย์ในพระวิหารที่เยรูซาเล็ม จินตนาการแล้ว พระองค์ต้องเก่งมากๆ จนโดดเด่นในหมู่บ้านแน่ๆ)


• แต่ที่สุดก็มีเสียงแห่งความสงสัยของชาวนาซาแร็ธ หลายคนอดไม่ได้ ตั้งคำถาม เราได้เห็นบรรยากาศในพระวรสารสองข้อก่อนที่จะมาถึงพระวรสารวันนี้ คือ “เขากล่าวกันว่า “นี่เป็นลูกของโยเซฟมิใช่หรือ”

o (พ่อคิดถึงตัวเองเหมือนกัน...เวลาพ่อกลับไปบ้าน ถ้าไปมิสซาที่วัด พี่ป้าน้าอาเยอะแยะเลย...บางครั้งพ่อเทศน์ ทุกคนต่างจ้องมองดูพระองค์ (อาจหลับบ้างมั้ง) แต่พ่อเห็นสายตาและการตอบรับ... แต่ก็อาจมีบ้างกระมังบางคนที่นั่นอาจคุยกันและถามกัน และอาจกล่าวกันเมื่อกลับบ้านหรือแม้แต่หน้าวัด หรือแม้กระทั่งในนวัดขณะพ่อเทศน์ “เฮ้ย..แก..พี่ที่เทศน์นี่ลูกใคร??...เออพ่อองค์นี้ลูกตาสดยายแป้นนี่ หว่า...” (จาชื่อสด แม่ชื่อแป้น ถ้าพ่อเป็นลูกชาวยิว พ่อคงชื่อว่า “สมเกียรติบาร์บาร์ตาสดบาร์ยายแป้น...”ปกติชาวยิวจะไม่ใส่ชื่อแม่ครับในภาษา ฮีบรูแต่ตรงนี้ใส่พ่อใส่ไว้ จะได้ประกาศชื่อแม่ให้ทราบกันทั่วหน้าเผื่อสวดให้แม่แป้นของพ่อในสวรรค์ครับ ระยะหวังผลแผ่นดินกับสวรรค์ครับ) บางทีอาจเป็นเช่นนี้ก็ได้...


• ยิ่งไปกว่านั้น จากที่นาซาแร็ธที่พ่อเดินไตร่ตรองบนภูเขานั้น... พ่อก็เห็นความจริงว่าบางทีเรื่องเหล่านี้... ถ้าพ่อเทศน์สอนเรื่องต่างๆที่บ้านพ่อเองที่เจ้าเจ็ด บางทีอาจต้องประกาศเตือนสอนศีลธรรมและความเชื่อ บางที...อาจมีเสียงเหมือนกันว่า “สอนพี่น้องแกก่อนเถอะ”


• พระเยซูเจ้าก็ตรัสดังนี้ที่ศาลาธรรมที่นาซาแร็ธ... “ท่านคงจะกล่าวคำพังเพยนี้แก่เราเป็นแน่ว่า ‘หมอเอ๋ย จงรักษาตนเองเถิด สิ่งที่พวกเราได้ยินว่าเกิดขึ้นที่เมืองคาเปอรนาอุมนั้น ท่านจงทำที่นี่ในบ้านเมืองของท่านด้วยเถิด’” (ข้อ 22-23) พระองค์อยู่นาซาแร็ธแต่ไปประกาศที่ชายทะเลสาบกาลิลี ที่คาเปอรนาอุม... ทรงทำอัศจรรย์มากมายที่นั่น และที่นาซาแร็ธดูเหมือนพระองค์ทราบดีว่ามีหลายคนคงอยากให้พระองค์ทำอัศจรรย์ ให้พวกเขา... แต่พระองค์ทราบดีว่า พวกเขาไม่ได้ยอมรับพระองค์ดังที่พ่อเล่ามาก่อนแล้ว...


• พี่น้องที่รัก พ่อกำลังคิดถึง ความจริงของพระวาจาที่ว่า “ประกาศกไม่ได้รับเกียรติในบ้านเมืองของตน” พ่อคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงและน่าไตร่ตรอง...


• ประสบการณ์ครับ... ในพระศาสนจักรของเรา เรามีพระสงฆ์ นักบวช สามเณร โดยปกติพวกเราก็ถูกย้ายให้ไปทำงานตามวัดต่างๆ ตั้งแต่เป็นสามเณรก็จะถูกส่งให้ไปทำงาน ฝึกงาน เป็นพระสงฆ์ก็จะถูกย้ายไปที่ต่างๆ พ่อเองก็มาอยู่บ้านเณรใหญ่เวลานี้ ปกติเจ้าอาวาสก็ย้ายทุกๆห้าปีโดยประมาณ และปกติ ปกติจริงๆ ครับ พวกเราพระสงฆ์จะไม่ถูกส่งไปทำงานในวัดบ้านเกิดของตนเอง นักบวชก็เช่นกัน เรามักจะไม่ถูกส่งไปทำงานในวัดบ้านเกิดของเราเอง... พระศาสนจักรก็มีปรีชาญาณเช่นนี้ที่จะส่งพวกเราพระสงฆ์นักบวชไปที่ไหนก็ได้ แต่ปกติจะไม่ส่งไปทำงาน ไปเป็นเจ้าอาวาส หรือในฐานะนักบวชที่ทำงานในวัดบ้านเกิดของตนเอง... อาจเป็นเพราะปรีชาญาณแห่งพระดำรัสของพระเยซูเจ้าวันนี้กระมังครับ “ประกาศกไม่ได้รับเกียรติในบ้านเมืองของตน”

• พ่อสรุปละครับ พระวาจาวันนี้สอนอะไรเราหนอ....

o พ่อเดินที่นาซาแร็ธ บนเชิงเขาที่พวกเขาเคยคิดจะผลักพระองค์ลงไปเพราะโกรธพระองค์ที่ทรงตำหนิถึง ความไม่เชื่อของพวกเขา ตำหนิถึงการไม่ยอมรับพระเยซูของชาวนาซาแร็ธในศาลาธรรมสมัยพระองค์ พ่อคิดว่า บนยอดผาสูแบบนี้ เขาคิดจะ “ผลักพระองค์ลงไปที่ก้นเหวนั้น”.... พ่อได้ขอคิดจากพระวรสารวันนี้ สำหรับเทศกาลมหาพรตในปีนี้เป็นพิเศษ.. พ่อเชื่อว่าเราคริสตชนต้องเรียนรู้ พ่อด้วยต้องเรียนรู้อย่างมากๆที่จะให้เกียรติยกย่องกันและกัน พ่อต้อง “ไม่ดูถูกหรือกดพี่น้องให้ต่ำไป” คงต้องไม่ทำเหมือนชาวนาซาแร็ธที่จะผลักพระองค์ผู้สูงส่งลงสู่ก้นเหวไปเลย...

o พ่อรู้ละครับ พ่อต้องไม่ผลักพี่รอบข้างที่หลายคนแสนดี แสนเก่ง น่ารัก ยอดเยี่ยม พ่อต้องไม่ผลักเขาลงสู่ก้นเหวในสายตาของพ่อ คือ ต้องไม่ดูถูกเขา...ภาษาอังกฤษชัดกว่าครับ “Look down” แปลว่าดูถูก แต่แปลตามตัวอักษร แปลว่า “มองให้ต่ำลงไป หรือมองคนอื่นด้วยสายตาที่กดลงไปเลย ลงเหวเลย”

o พี่น้องที่รักครับ... อย่ากดสายตาของเราต่ำในการมองเพื่อนพี่น้อง อย่าใช้สายตาของเรากดคนอื่นจมดิงลงเหวเลยนะครับ... ยกย่อง รัก ให้เกียรติ ยกสายตาขึ้นมองความงดงามของพระเจ้าในกันและกันดีกว่านะครับ... ทุกคนมีข้อดี ข้อเสียครับ เลือกมองส่วนที่ดี ให้เกียรติ เห็นใจในส่วนที่บกพร่องและให้อภัยกันดีกว่า... 

o พ่อบอกไว้ก่อนนะ สายตาที่ดูถูก เหยียดหยาม เกลียดชัง อิจฉา ริษยา ดูออกนะครับ คนอื่นมองมาเห็นตาเราก็รู้แล้วว่าเราคิดอย่างไร... ระวังสายตากันหน่อยนะครับ ดูกระจกกันบางลูก ถามกันบ้างว่า ตาเราดุไปไหม ร้อนไปไหม ดูถูกไปไหม... มองคนอื่นต่ำไปไหม... 

o พี่น้องที่รักครับ...หมั่นดูกระจกตกแต่งปรับสายตาให้งดงามนะครับ... พ่อคิด...ถ้าพ่อเป็นพระสงฆ์ และพ่อมีสายตาที่ดูถูกคนอื่น คนยากจนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ และไม่ต้อนรับด้วยสายตาและจิตใจ... พ่อคงจะได้อยู่อีกฝั่งของเหวที่ข้ามไปหาพี่น้องไม่ได้แน่ๆ เหมือนเรื่องลาซารัสกับเศรษฐีใจแคบคนนั้น... ถ้าตาของเราดุไป หัดฝึกให้สายตาเรายิ้มได้นะครับ มีคนบอกพ่อว่า พ่อครับ สายตาคนเรายิ้มได้นะครับ เห็นแต่ดวงตาและไม่ริมฝีปาก ก็รู้ครับว่ายิ้มอยู่ พ่อฝึกบ่อยๆอยู่ครับ เอากระดาษปิดปากไว้ และฝึกยิ้มด้วยสายตา... ทำได้จริงนะครับ... คือ คิดดีๆถึงคนที่เรามอง รักเขา อยากรักเขา อยากช่วยเหลือเขา อยากให้เกียรติเขา...พี่น้องฝึกนะครับ ตาเราจะยิ้มได้จากแววตาเลยครับ...


• พี่น้องที่รักครับ... ให้เกียรติกัน ยกย่องกันนะครับ นาซาแร็ธเป็นเมืองบนภูเขาสูง แต่พระเยซูถูกมองด้วยสายตาที่ดูถูกเกือบถูกผลักลงก้นเหวเลย... ชีวิตคริสตชน พระศาสนา พระอาณาจักรของพระเจ้าสูงส่งกว่านาซาแร็ธมากนัก... เราชาวสวรรค์ ณ แผ่นดินครับ อย่ากดต่ำซึ่งชีวิงกันและกันเลยนะครับ... ยกย่องให้เกียรติกันเสมอ... ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องครับ จงเป็นชาวสวรรค์ จงมีดวงตาและดวงใจของชาวสวรรค์นะครับ... ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก