“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

พระคัมภีร์และการเข้าสู่วัฒนธรรม

114.    ธรรมล้ำลึกเรื่องการรับธรรมชาติมนุษย์บอกเราว่า ในด้านหนึ่ง พระเจ้าทรงสื่อกับเราเสมอในสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์ โดยทรงรับขนบประเพณีที่ฝังตัวอยู่ในวัฒนธรรมนั้นด้วย แต่ในอีกด้านหนึ่ง พระวาจานั้นยังอาจ และต้องเผยแผ่เข้าไปในวัฒนธรรมต่างๆโดยเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมเหล่านั้นจากภายในด้วย โดยวิธีการที่สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงเรียกว่าการประกาศข่าวดีแก่วัฒนธรรม[1] พระวาจาของพระเจ้า เช่นเดียวกับความเชื่อในพระคริสตเจ้า มีลักษณะเข้าได้กับวัฒนธรรมต่างๆ สามารถพบกับวัฒนธรรมต่างๆและช่วยให้วัฒนธรรมเหล่านี้พบปะกันได้อีกด้วย[2]

ในบริบทนี้เราจึงเข้าใจว่าพระวรสารต้องเข้าถึงวัฒนธรรมต่างๆด้วย[3] พระศาสนจักรเชื่อมั่นว่า พระวาจาของพระเจ้ามีพลังภายในที่จะเข้าถึงมนุษย์ทุกคนในบริบททางวัฒนธรรมที่เขาดำเนินชีวิตอยู่ "ความเชื่อมั่นเช่นนี้มาจากพระคัมภีร์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่หนังสือปฐมกาล มีจุดยืนเป็นสากล (เทียบ ปฐก 1:27-28) และยังรักษาจุดยืนนี้ไว้ในคำอวยพรที่ทรงสัญญาสำหรับประชากรทุกชาติเพราะเห็นแก่อับราฮัมและเชื่อสายของเขา (เทียบ ปฐก 12:3; 18:18) และยืนยันเป็นการถาวรเมื่อขยายการประกาศข่าวดี ‘ไปสู่ชนทุกชาติ'"[4] เพราะเหตุนี้การเข้าสู่วัฒนธรรมต้องไม่เข้าไปปนกับขบวนการการปรับตัวแบบผิวเผิน หรือเข้าไปปนกับการรวมความคิดทางศาสนาอย่างสับสน ซึ่งลดความเด่นชัดของพระวรสารลงเพื่อทำให้พระวรสารเป็นที่ยอมรับได้ง่ายขึ้น[5] รูปแบบแท้จริงของการเข้าถึงวัฒนธรรมคือการรับธรรมชาติมนุษย์ของพระวจนาตถ์ "‘การเข้าถึงวัฒนธรรม' หรือ ‘การเข้าสู่วัฒนธรรม' โดยแท้จริงแล้วจะต้องเป็นรูปแบบของการรับธรรมชาติมนุษย์ของพระวจนาตถ์ เมื่อวัฒนธรรมหนึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงและเกิดใหม่โดยพระวรสาร ทำให้ธรรมประเพณีแบบดั้งเดิมเป็นวิธีการแสดงออกของชีวิต การฉลอง ตามแนวความคิดแบบคริสตชน"[6] โดยบ่มเพาะวัฒนธรรมท้องถิ่นจากภายใน โดยคำนึงว่าทุกสิ่งมีเมล็ดพันธุ์พระวาจา (semina Verbi) อยู่ภายใน และทุกสิ่งที่มีค่าทางบวกที่พบในวัฒนธรรมนั้นเป็นการเปิดประตูให้เข้าถึงคุณค่าตามพระวรสาร[7]



[1] Cfr Adhor.ap. Evangelii nuntiandi (8 Decembris 1975), 20: AAS 68 (1976), 18-19.

[2] Cfr Benedictus XVI, Adhort.ap.postsynodalis Sacramentum caritatis (22 Februarii 2007), 78: AAS 99 (2007), 165.

[3] Cfr Propositio 48.

[4] Pontificia Commissio Biblica, L'interpretazione della Bibbia nella Chiesa (15 Aprilis 1993), IV, B: Ench.Vat., 13, n.3112.

[5] Cfr Conc.Oecum.Vat.II, Decr.de activitate missionali Ecclesiae Ad gentes, 22; Pontificia Commissio Biblica, L'interpretazione della Bibbia nella Chiesa (15 Aprilis 1993), IV, B: Ench. Vat. 13, nn. 3111-3117.

[6] Ioannes Paulus II, Allocutio ad Episcopos Keniae (7 Maii 1980), 6: AAS 72 (1980), 497.

[7] Cfr Instrumentum laboris, 56.

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก