“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“จงจัดเตรียมปัสกาไว้สำหรับพวกเราที่นั่นแหละ”

74. พระเยซูเจ้าทรงทำนายถึงการทรยศของยูดาส (มก. 14:17-21)
      
1417ครั้นถึงเวลาค่ำ พระองค์เสด็จมาพร้อมกับบรรดาอัครสาวกสิบสองคน 18ขณะที่ทุกคนนั่งที่โต๊ะและกินอาหารพร้อมกับพระเยซูเจ้าอยู่นั้น พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในที่นี้จะทรยศต่อเรา คนทรยศกำลังกินอาหารกับเรา” 19บรรดาอัครสาวกรู้สึกเศร้าใจ ทูลถามพระองค์ทีละคนว่า “ใช่ข้าพเจ้าหรือไม่” 20พระองค์ตรัสว่า “เป็นคนหนึ่งในสิบสองคนนี้ คือคนที่กำลังจิ้มอาหารในชามเดียวกันกับเรา21เพราะบุตรแห่งมนุษย์กำลังจะจากไปตามที่เขียนเกี่ยวกับพระองค์ไว้ในพระคัมภีร์ วิบัติจงเกิดแก่คนที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์ ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาจะดีกว่า”


a) อธิบายความหมาย
             เรื่องคำทำนายของพระเยซูเจ้าถึงการทรยศของยูดาสและเรื่องคำปฏิเสธของนักบุญเปโตร (เทียบ 14:26-31) เป็นกรอบของเรื่องการตั้งศีลมหาสนิท (เทียบ 14:22-25) ในที่นี้ นักบุญมาระโกใช้เทคนิคพิเศษทางวรรณกรรมที่มีชื่อว่า “sandwich” หรือ “inclusion” หมายถึงข้อความที่เริ่มต้นและจบลงโดยมีคำหรือเรื่องคล้ายคลึงกันเป็นกรอบ เป็นเทคนิคที่นักบุญมาระโกใช้บ่อย ๆ เช่น 3:20-35; 5:21-43; 6:7-32; 11:12-23; 14:54-72

- ครั้นถึงเวลาค่ำ หรือเวลาเย็น เป็นสำนวนที่เราพบในเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เป็นขั้นตอนหลักของศาสนบริการของพระเยซูเจ้า เช่น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก (เทียบ 1:32) ทรงทำให้พายุสงบ (เทียบ 4:35) ทรงพระดำเนินบนน้ำ (เทียบ 6:47) ทรงขับไล่บรรดาพ่อค้าออกจากพระวิหาร (เทียบ 11:11-19) ทรงตักเตือนครั้งสุดท้ายในคำปราศรัยเรื่องอวสานกาล (เทียบ 13:35) ทรงทำนายถึงการทรยศของยูดาส (เทียบ 14:17) และเมื่อพระเยซูเจ้าทรงถูกฝังไว้ (เทียบ 15:42) เวลาค่ำที่อ้างถึงตรงนี้คือเย็นวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับชาวยิวเมื่อพระอาทิตย์ตกดินก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นวันศุกร์แล้ว

- พระองค์เสด็จมาพร้อมกับบรรดาอัครสาวกสิบสองคน พระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติตามข้อกำหนดในหนังสืออพยพที่บันทึกว่า ต้องกินอาหารค่ำปัสกาหลังพระอาทิตย์ตกดิน (เทียบ อพย 12:8) จึงเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับบรรดาอัครสาวกในเวลาที่เหมาะสม และทรงเริ่มรับประทานอาหารตามลำดับพิธีที่กำหนดไว้ คือกินผักรสขมและสมุนไพรซึ่งเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่เสิร์ฟก่อนอาหารจานหลัก ต่อจากนั้น ผู้ใหญ่จะอธิบายความหมายของพิธีและมีการขับร้องหรืออ่านเพลงสดุดีชุดหนึ่งที่มีชื่อว่าเพลงฮัลเลล (เทียบ สดด 113 – 118) แล้วจึงกินอาหารจากหลักคือลูกแกะย่างกับขนมปังไร้เชื้อ จบด้วยการภาวนาขอบพระคุณพระเจ้า

- ขณะที่ทุกคนนั่งที่โต๊ะและกินอาหารพร้อมกับพระเยซูเจ้าอยู่นั้น พระองค์ตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในที่นี้จะทรยศต่อเรา คนทรยศกำลังกินอาหารกับเรา” “นั่งที่โต๊ะ” ถ้าแปลตามตัวอักษรจากต้นฉบับภาษากรีกได้ว่า “นั่งในท่าที่สะดวกสบายใช้มือยันคาง” ซึ่งเป็นท่าทีของผู้มาร่วมงานฉลอง ต่างจากอากัปกริยาของประชากรยิวโบราณซึ่งเฉลิมฉลองการกินอาหารค่ำปัสกา โดยยืนอยู่เพื่อระลึกถึงการเดินทาง พระวาจาของพระเยซูเจ้าตอนนี้ชวนผู้อ่านให้ระลึกถึงเพลงสดุดี 41 ที่ว่า “แม้กระทั่งเพื่อนสนิทของข้าพเจ้า ผู้ที่ข้าพเจ้าไว้ใจและเคยร่วมกินอาหารกับข้าพเจ้า ก็ยังยกส้นเท้าใส่ข้าพเจ้า” (สดด 41:9) “คนหนึ่งในที่นี้” ถ้าแปลตามตัวอักษรจากต้นฉบับภาษากรีกได้ว่า “คนหนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน” ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่พระเยซูเจ้าจะทรงใช้วลีนี้ แต่นักบุญมาระโกต้องการเน้นว่า ผู้ที่ทรยศต่อพระองค์เป็นอัครสาวกคนหนึ่ง แม้ผู้อ่านรู้แล้วว่ายูดาสเป็นผู้ทรยศ (เทียบ 3:19) แต่ในที่นี้ไม่ได้บอกว่าผู้ทรยศเป็นใคร ประโยคนี้ต้องการเน้นเพียงการทรยศที่เกิดขึ้นจากผู้ที่มีความสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้า คำว่า “ทรยศ” ถ้าแปลตามตัวอักษรจากต้นฉบับภาษากรีกได้ว่า “มอบ” ซึ่งเป็นคำสำคัญในพระวรสารฉบับนี้ เช่น ยูดาส “มอบ” พระเยซูเจ้าแก่บรรดาหัวหน้าสมณะ (เทียบ 14:41-46) บรรดาสมณะ “มอบ” พระองค์แก่ปีลาต (เทียบ 15:1. 10) ปีลาต “มอบ” พระองค์แก่บรรดาทหาร (เทียบ 15:15) ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าทรงมอบบุตรแห่งมนุษย์แก่มวลมนุษย์ หมายความว่าพระทรมานอยู่ในแผนการของพระบิดา ดังที่พระเยซูเจ้าทรงทำนายในครั้งแรกว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานอย่างมาก” (8:31)

- บรรดาอัครสาวกรู้สึกเศร้าใจ ทูลถามพระองค์ทีละคนว่า “ใช่ข้าพเจ้าหรือไม่” ปฏิกิริยาของบรรดาอัครสาวกสะท้อนความวุ่นวายใจที่พระวาจาของพระเยซูเจ้าก่อให้เกิดในตัวเขา เพราะความอ่อนแอของตน ไม่มีผู้ใดมั่นใจได้ว่าในอนาคตเขาจะไม่เป็นผู้ทรยศพระองค์

- พระองค์ตรัสว่า “เป็นคนหนึ่งในสิบสองคนนี้ คือคนที่กำลังจิ้มอาหารในชามเดียวกันกับเรา นี่ไม่ใช่คำตอบของพระเยซูเจ้าต่อคำถามของอัครสาวกแต่ละคน โดยชี้ให้เขารู้ว่าใครเป็นผู้ทรยศ เพราะทุกคนนำขนมชิ้นหนึ่งมาจิ้มในชามเดียวกันซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของโต๊ะอาหาร

- เพราะบุตรแห่งมนุษย์กำลังจะจากไป คำว่า “จากไป” หรือ “เสด็จไป” เช่นเดียวกับคำว่า “เสด็จมา” มีความหมายในด้านเทววิทยากล่าวถึงภารกิจของพระบุตรที่พระบิดาทางมอบหมายแก่พระบุตร (เทียบ 2:17; 10:45; ฯลฯ) ดังนั้น พระองค์จึงหมายถึงว่าเมื่อทรงปฏิบัติภารกิจสำเร็จแล้ว ก็จะเสด็จกลับไปหาพระบิดาผู้ทรงส่งพระองค์มา

- ตามที่เขียนเกี่ยวกับพระองค์ไว้ในพระคัมภีร์ พระเยซูเจ้าไม่ทรงอ้างถึงข้อใดข้อหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง แต่เป็นอ้างอย่างกว้าง ๆ ถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ของพระเมสสิยาห์ เช่น อิสยาห์ 53:6-52 (เทียบ ลก 24:25-26) พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้รู้ว่า การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนซึ่งเป็นผลจากการทรยศต่อพระองค์ สอดคล้องกับแผนการของพระเจ้า และพระองค์ทรงพระประสงค์ที่จะยอมรับการทรมานนี้

- วิบัติจงเกิดแก่คนที่ทรยศต่อบุตรแห่งมนุษย์ ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาจะดีกว่า” พระเยซูเจ้าไม่ทรงตัดสินลงโทษผู้ทรยศพระองค์ แต่เมื่อทรงรับรู้การกระทำของยูดาสก็ทรงสงสารเขา เพราะเขาจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน พระวาจานี้ละม้ายคล้ายกับคำคร่ำครวญของบรรดาประกาศกในพันธสัญญาเดิม ผู้เตือนประชากรที่ประพฤติชั่วร้าย

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก