“ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง" (ยน. 8:31)

"พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ใดสำหรับข้าพเจ้า" อธิบายพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก โดย บาทหลวงฟรังซิส ไก้ส์
“ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง”
75. พระเยซูเจ้าทรงทำนายว่าเปโตรจะปฏิเสธพระองค์ (3)
b) ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

         5. นักบุญเปโตรยอมรับว่า แม้ทุกคนอาจสะดุดล้มแต่เขาจะไม่สะดุมล้มเลย เพราะเขาไม่เป็นเหมือนผู้อื่น ความคิดนี้มาจากปีศาจและสร้างความแตกแยก ผู้ที่คิดว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมมักต่อต้านพระเมตตากรุณาและความรักของพระเจ้า ถ้าเราแยกคนใดคนหนึ่งออกไปก็หมายความว่า เราอยู่ห่างไกลจากพระเจ้า ดังนั้น บาปที่แท้จริงคือความคิดที่ถือว่าตนเองเป็นผู้ถูกเสมอไม่เป็นเหมือนกับผู้อื่น โดยแท้จริงแล้ว ผู้อื่นก็เป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงเป็นเหมือนผู้อื่นด้วย เมื่อเรารู้สึกว่าตนเป็นผู้ชอบธรรม เมื่อนั้นเราคงได้ตัดสินผู้อื่นอย่างเคร่งครัดมิใช่หรือ แต่ถ้าเราสำนึกถ่อมตนและมีใจกว้างต่อผู้อื่น เมื่อนั้นเราเริ่มรู้จักตนเอง และเข้าใจว่าพระเจ้าพระทัยดีต่อทุกคน และถ้าเมื่อเราความหวาดเพราะได้กระทำผิด เมื่อนั้นเราจะพบพระเมตตาของพระเจ้า ดังที่นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า "ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่นพระหรรษทานก็ยิ่งมีมากกว่า" (รม 5:20) วิธีเดียวที่เราจะรู้จักพระเจ้าได้ก็โดยอาศัยบาปของเรา เพราะด้วยวิธีนี้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงรักเราโดยไม่หวังการตอบแทน มิฉะนั้นแล้ว เราจะคิดเสมอว่า เราสมควรได้รับความรักจากพระองค์ แต่ความรักแท้จริงไม่มีขายเป็นการให้เปล่า เราจึงเข้าใจว่าบาปของผู้ที่คิดว่าตนเป็นชอบธรรมร้ายแรงมากกว่าสิ่งที่เราคิด และเป็นบาปเฉพาะของผู้เคร่งศาสนา

         6. เมื่อนักข่าวสัมภาษณ์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสเป็นครั้งแรกว่า “ท่านเป็นใคร” พระองค์ทรงตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนบาปคนหนึ่ง ซึ่งพระเจ้าทอดพระเนตรด้วยความเมตตากรุณา ทรงทำให้คนบาปผู้นี้ดำเนินชีวิตต่อไป และรู้ว่าผู้อื่นเป็นพี่น้องของตน เพราะนี่เป็นหลักการแท้จริงที่ทำให้เราทุกคนเป็นเหมือนกัน” ดังนั้น การที่เรารู้ว่าเป็นเหมือนผู้อื่นไม่มาจากความคิดว่า เราเป็นผู้ชอบธรรม แต่มาจากความคิดที่ว่าพระเจ้าทรงรักทุกคนด้วยความรักไร้ขอบเขต ดังที่พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า

         7. เมื่อนักบุญเปโตรยืนยันแล้วว่า เขาไม่เป็นเหมือนผู้อื่น พระวาจาตอนต่อไปของพระเยซูเจ้ามีความหมายว่า “ท่านคิดผิด คืนนี้เอง อีกไม่กี่ชั่วโมง ท่านจะปฏิเสธเรา” นักบุญเปโตรประกาศอย่างสง่างามว่าเขาจะไม่ปฏิเสธพระองค์ แต่เพียงไม่นาที เมื่อหญิงเฝ้าประตูถามเขาว่า ท่านเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าหรือไม่ เขากลับยืนยันว่าไม่รู้จักพระองค์ การไม่ยอมรับผิดและคิดว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์แสดงว่าเขาไม่รู้จักตนเองและกล่าวคำมุสาที่ยิ่งใหญ่ ผู้ใดยอมรับบาปของตนผู้นั้นจะเป็นผู้มีปรีชา เพราะเขารู้จักความจริงของตนและของผู้อื่น รวมทั้งความจริงของพระเจ้า นั่นคือพระองค์ทรงให้อภัยเพราะความรักของพระองค์ยิ่งใหญ่ พระเยซูเจ้าทรงสอนนักบุญเปโตรว่า พระเจ้าทรงช่วยเขาให้รอดพ้นไม่ใช่เพราะเขารักพระองค์ แต่เพราะพระองค์ทรงรักเขาก่อน

         8.พระเยซูเจ้าตรัสกับนักบุญเปโตรว่า “ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” พระวาจาตอนนี้ที่พระเยซูเจ้าทรงประกาศล่วงหน้าถึงการปฏิเสธของนักบุญเปโตรแสดงว่า แม้พระองค์ทรงรู้เหตุการณ์นี้มาก่อน แต่ทรงให้อภัยความผิดของนักบุญเปโตรล่วงหน้าแล้ว เมื่อนักบุญเปโตรจะระลึกถึงเรื่องนี้ เขาจะรู้ว่าแม้ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงสัตย์ซื่อต่อเขาอยู่เสมอ ดังที่นักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า “ใครจะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้” (รม 8:35) และประกาศกโฮเชยาประกาศแทนพระเจ้าแก่ประชากรอิสราเอลว่า “ใจของเราปั่นป่วนอยู่ภายใจ ความเอ็นดูของเราก็คุกรุ่นขึ้น เราจะไม่ลงอาญาตามที่เราโกรธจัด เราจะไม่ทำลายเอฟราอิมอีก เพราะเราเป็นพระเจ้า มิใช่มนุษย์ เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ท่าน เราจะไม่มาด้วยความโกรธ" (ฮชย 11:8-9) พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพระองค์เองจึงจะไม่ทรงละทิ้งเราเลย พระองค์ตรัสกับประชากรเหมือนกับว่าเป็นบุตรของพระองค์

         9.ดังนั้น เราต้องเลือกภาพลักษณ์ของพระเจ้าระหว่างการเป็นเจ้านายกับการเป็นพระบิดาผู้ทรงมอบพระองค์เพื่อเรา พระเยซูเจ้าทรงสอนความจริงเหล่านี้แก่นักบุญเปโตร นี่คือศูนย์กลางของข่าวดี นี่เป็นประสบการณ์เด็ดขาดสำหรับชีวิตของนักบุญเปโตรและสำหรับชีวิตของเราแต่ละคนด้วย เพราะในเหตุการณ์นี้ เรารู้ว่าพระเจ้าทรงรักเรามากสักเพียงใด

       10.เมื่อนักบุญเปโตรฟังพระวาจาตอนนี้ของพระเยซูเจ้า เขาก็พูดแทรกแซงอีกครั้งหนึ่งเพื่อระบายความรู้สึกในใจว่า “ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายพร้อมกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย” เหมือนกับว่าเขาต้องการพูดตัดบทเป็นคนสุดท้าย และยืนยันด้วยความเต็มใจที่จะตายพร้อมกับพระคริสตเจ้า แต่นี่เป็นการประกาศข่าวดีตรงกันข้าม ข่าวดีที่แท้จริงคือการประกาศว่า พระเจ้าทรงรักเรามากจนกระทั่งทรงมอบพระองค์เองเพื่อเรา สิ่งเดียวที่พระองค์ทรงเรียกร้องจากเราคือการยอมรับพระองค์ไม่ใช่ต้องตายเพื่อพระองค์ เป็นพระคริสตเจ้าผู้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา เราจะตอบสนองความรักของพระองค์ด้วยความรักของเรา เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน

        11.“อัครสาวกทุกคนก็พูดเหมือนกัน” อัครสาวกแต่ละคนเคยโต้เถียงกันว่าผู้ใดยิ่งใหญ่ที่สุด และตอนนี้ยังมีความคิดเดียวกันว่า ตนเองดีกว่าผู้อื่น เพราะแม้ผู้อื่นอาจทอดทิ้งพระเยซูเจ้าไป ตนจะไม่ทอดทิ้งพระองค์เลย แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงในสวนเกทเสมนี ทุกคนทอดทิ้งพระองค์และหนีไป ดังนั้น เหตุการณ์ที่นักบุญมาระโกเล่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา เพราะทำให้เราเข้าใจธรรมล้ำลึกของชีวิตและเข้าใจพระเจ้า ความชั่วร้ายที่มนุษย์ได้กระทำมาจากความเห็นแก่ตัวและความจองหอง ซึ่งทำให้เราต่อสู้ซึ่งกันและกัน พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคนเหมือนเป็นบุตรและสิ้นพระชนม์เพื่อเรา ผู้เลี้ยงแกะจะถูกเฆี่ยนตีแต่เขาจะนำหน้าไปยังแคว้นกาลิลี หมายถึงสถานที่ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงพบกับบรรดาอัครสาวกเป็นครั้งแรก และหมายถึงชีวิตของเรา เพื่อพระองค์จะทรงรวบรวมทุกคนให้เป็นพี่น้องกัน

 

เช้าวันใหม่ใส่ใจพระวาจา

Lectio Divina-Daily 2022

เช้าวันเสาร์เราคิดถึงพระวาจา

Video อบรมพระคัมภีร์

ความรู้พื้นฐานพระคัมภีร์และหนังสือปฐมกาล

หนังสืออพยพและเลวีนิติ

หนังสือกันดารวิถีและเฉลยธรรมบัญญัติ

หนังสือโยชูวา ผู้วินิจฉัยและนางรูธ

หนังสือซามูแอล ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศ์กษัตริย์ ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2

หนังสือพงศาวดาร เอสราและเนหะมีย์

หนังสือโทบิต ยูดิธ เอสเธอร์และมัคคาบี 1 และ 2

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประกาศกและประกาศกอาโมส

หนังสือประกาศกโฮเชยาและมีคาห์

หนังสือประกาศกอิสยาห์

หนังสือประกาศกโยนาห์และประกาศกเศฟันยาห์

หนังสือประกาศกนาฮูมและฮาบากุก

หนังสือประกาศกเยเรมีห์-เพลงคร่ำครวญ-บารุค

หนังสือประกาศกเอเสเคียลและดาเนียล

บทเทศน์บนภูเขา มธ. 5-7

พระวรสารนักบุญมัทธิว 10,13,18

พระวรสารนักบุญมาระโก

หนังสือกิจการอัครสาวก