ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2016
สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา

บทอ่าน ยรม 1:1,4-10 / มธ 13:1-9


 บุญราศี เจมส์ อัลแบรีโอเนได้รับเชิญไปร่วมประชุมสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 เพื่อแสดงความคิดเห็นเรื่องบทบาทของสื่อมวลชน ในการประกาศ ”พระวาจาของพระเป็นเจ้า” ในการปิดประชุมในเดือนธันวาคม 1965 ท่าน


ได้เสนอต่อบรรดาครอบครัวของนักบวชว่า นักบวชแต่ละคนจะต้องมีหนังสือพระคัมภีร์ติดตัวอยู่เสมอ เพื่อจะได้เป็นเครื่องมือหล่อเลี้ยงวิญญาณของตน เพราะ “พระวาจาของพระเป็นเจ้า” เปรียบเหมือนเมล็ดพืชที่คนนำไปหว่าน บางเมล็ดตกตามทางเดิน บางเมล็ดตกบนหินมีดินน้อย บางเมล็ดตกตกในกอหนาม มีแต่เมล็ดที่ตกบนเนื้อดินดีเท่านั้น
ที่จะให้ผลเป็นร้อยเท่า หกสิบเท่า และสามสิบเท่า


เราเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเส้นทางชีวิตที่ลุ่มๆดอนๆ

ผ่านทั้งทางบกและทางน้ำ ทั้งกลางวันและกลางคืน

ฉันไม่เคยเดินทางไปไหน โดยไม่มีพระคัมภีร์ติดตัวไป

เราผูกติดกัน พระคัมภีร์และตัวฉัน


ในยามมีความทุกข์ ฉันพิสูจน์ว่าพระคัมภีร์เป็นทั้งความบรรเทาใจและความยินดีของฉัน


ในยามอ่อนแอ พระคัมภีร์ คือ ป้อมปราการซึ่งไม่มีอะไรจะทำลายล้างได้


เมื่อความตายใกล้เข้ามา และฉันคิดว่าตัวเองจะตาย

เราก็ยังอยู่ด้วยกัน พระคัมภีร์และตัวฉัน


เมื่ออำนาจของความชั่วร้ายคืบคลานเข้ามา

และแม้จะต้องทรมานอย่างยาวนาน พระองค์ก็คอยฉัน
จนฉันเสียชีวิต


เราจะไม่แยกจากกัน พระคัมภีร์และตัวฉัน

และเมื่อพระเป็นเจ้าเสด็จมาพร้อมกับพระสิริรุ่งโรจน์

พร้อมกับบรรดาผู้ที่ได้รับการไถ่กู้ ที่รวมตัวอย่างปลอดภัย


พระคัมภีร์ของฉันและตัวฉันจะอยู่เป็นเพื่อนกัน

เพราะพระวาจาของพระเป็นเจ้าจะดำรงอยู่ตลอดนิรันดร

                                                                          

ท่านเองอ่านพระคัมภีร์ทุกวันและฟังพระวาจาหรือไม่?...
ท่านได้นำไปปฏิบัติจรงในชีวิตหรือไม่?