ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2017
สัปดาห์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน อสย 55:6-9 / ฟป 1: 20ค-24,27ก / มธ 20:1-16
          การให้มีลักษณะแตกต่างกันไป มีการให้ที่เราเรียกว่ากิจการแห่งความเมตตากรุณา มีการให้ที่เรียกร้องความสนใจ พระวรสารวันนี้บอกให้เรารู้ว่า การให้มีลักษณะดังนี้


ประการที่ 1 เรียกว่าความยุติธรรม

การให้ประการที่ 2 เรียกว่าความเมตตาสงสาร

         เมื่อใด ที่ใช้เงินเป็นค่าตอบแทน เราเรียกว่าความยุติธรรม เช่น การจ่ายเงินค่าแรง ตามที่เคยตกลงกันไว้
         แต่เมื่อใดที่มีการให้ นอกเหนือกว่าที่กฏหมายกำหนด เราเรียกว่าความเมตตากรุณา การให้ในระดับนี้ ไม่มีการตอบแทนในสิ่งที่ทำไป แต่เกิดขึ้นจากความเมตตากรุณา เช่นการให้ด้วยความใจดี

         ในวันนี้ เมื่อเราอ่านพระวรสาร เราจะเข้าใจให้ถูกต้องได้อย่างไร? เพราะว่าในนิทานเปรียบเทียบ เจ้าของสวนได้แสดงความเมตตากรุณา ต่อพวกคนงานที่เขาจ้างให้ทำงานรวมทั้งคนที่ทำงานตั้งแต่เช้าตรุ่ เพราะเขาต้องการค่าแรง สำหรับการดำรงชีพ เพื่อซื้ออาหารสำหรับสมาชิกในครอบครัว และเมื่อคนงานกลุ่มแรกได้รับค่าแรงงาน เท่ากับพวกคนงานกลุ่มสุดท้าย เจ้าของสวบต้องกมรให้พวกเขาเข้าใจว่า เขาได้จ่ายค่าแรงตามที่ได้ตกลงกันไว้

         จึงมิได้มีความอยุติธรรมเกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่สำหรับพวกที่มาทำงานกลุ่มสุดท้าย และเจ้าของสวนได้จ่ายค่าแรง เท่ากับพวกกลุ่มแรก ก็เป็นการตัดสินใจของเจ้าของสวนเอง เพราะที่สุดเงินที่จ่ายไป ก้เป้นเงินของเจ้าของสวนทั้งสิ้น แน่นอนเขาสามารถจ่ายเงินค่าแรงงาน ตามสัดส่วนของเวลาที่ทำงานก็ได้
แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น เขาจะถูกตัดสินว่าไม่ยุติธรรมได้หรือไม่?

           พระคุณเจ้า โทมัส เมนันปารัมฟิล ได้เคยกล่าวไว้ในงานชุมนุมศีลมหาสนิท ที่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ว่า"เมื่อท่านขาดความเมตตากรุณา
           จงเข้าไปหาคนยากจน พวกเขาจะสอนท่านเอง เพราะพวกเขาจะกระตุ้นความเมตตากรุณาในหัวใจของท่าน"