ไตร่ตรองพระวาจา  โดย..คุณพ่อชวลิต  กิจเจริญวันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม 2017
สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา
บทอ่าน ปฐก 44:18-21,23ข-29,45:1-5 / มธ10:7-15
          ในบทอ่านจากหนังสือปฐมกาลเกี่ยวกับเรื่องของยอแซฟ เราจะเห็นว่าที่สุดยอแซฟก็ได้เปิดเผยตัวเองให้แก่พวกพี่ๆ แม้ว่าพวกเขาจะปฏิบัติต่อท่านอย่างอยุติธรรม แต่ท่านก็อภัยโทษให้พวกเขา และได้ต้อนรับพวกเขาด้วยความอบอุ่น “ฉันคือยอแซฟน้อง ที่พวกพี่ได้ขายมายังประเทศอียิปต์ แต่บัดนี้ อย่าเสียใจไปเลย อย่าโกรธตัวเอง ที่ขายฉันมาที่นี่ เพราะว่าพระเจ้าทรงใช้ฉันให้มาก่อนหน้าพวกพี่ เพื่อจะได้ช่วยชีวิตพวกพี่นั่นเอง” อย่างไรก็ตามภาพนี้เตือนให้เราระลึกถึงพระเยซูเจ้า ขณะที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนนั้น พระองค์ก็ได้ให้อภัยโทษแก่คน ที่ปฏิเสธและได้ปฏิบัติต่อพระองค์อย่างอับอายและอย่าง อยุติธรรม

           ในพระวรสารเราจะเห็นพระเยซูเจ้าได้เตือนบรรดาอัครสาวกของพระองค์ก่อนที่จะส่งพวกเขาออกไปในนามของพระองค์เนื่องจากว่า พวกเขาได้รับความเชื่อมาโดยเปล่าๆ ดังนั้นพวกเขาก็ควรที่จะมอบความเชื่อนั้นให้กับคนอื่นโดยเปล่าๆเช่นเดียวกัน “ท่านได้รับมาเปล่าๆก็จงให้เขาเปล่าๆด้วย” เราควรที่จะน้อมรับคนที่มาในนามของพระเยซูเจ้าและควรที่จะฟังคำอบรมของพวกเขา

 ความเชื่อในพระเยซูเจ้าคือรากฐาน ที่เราจะต้องสร้างมีความสุขที่จริงใจบนนั้น ถ้าเราต้องการที่จะเลิกทำบาป ก่อนอื่น เราต้องมองดูพระองค์ ซึ่งเป็นผู้ประทานความรอดให้แก่เรา…รูปแบบของลูกสุรุ่ยสุร่ายมีดังนี้: ทรยศ ความพินาศ การกลับใจ การคืนดี และการสู่สภาพเดิม...มีแต่การเป็นทุกข์กลับใจและความเชื่อเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้เราได้รับความรอด ไม่มีกิจกรรมทางศาสนาใดเพียงพอ มีแต่ความเชื่อที่แท้จริงในพระเยซูเจ้าอย่างเดียว…


       การให้อภัยที่แท้จริงจึงมิได้เป็นเพียงการเยียวยาหัวใจของใคร ที่เราโกรธเคือง แต่มันได้ปลดปล่อยตัวเรา ให้พ้นจากความทุกข์ในใจทั้งหมดทั้งปวง…

       การให้อภัยที่แท้จริงต้องมาจากความเมตตาในใจ คืออยากเห็นผู้อื่นมีความสุข การให้อภัยที่แท้จริงต้องเปี่ยมไปด้วยความกรุณา คือมีความสุขที่เห็นคนอื่นพ้นทุกข์.