ข้อคิดจากพระวาจาประจำวัน  โดย..คุณพ่อฉลองรัฐ สังขรัตน์

วันพุธที่ 22 มีนาคม 2017
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต
ฉธบ 4:1,5-9 / มธ 5:17-20
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                       

              เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงอย่าคิดว่าเรามาเพื่อลบล้างธรรมบัญญัติหรือคำสอนของบรรดาประกาศก เรามิได้มาเพื่อลบล้าง แต่มาเพื่อปรับปรุงให้สมบูรณ์

เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินยังไม่สูญสิ้นไป แม้แต่ตัวอักษรหรือจุดเพียงจุดเดียวจะไม่ขาดหายไปจากธรรมบัญญัติจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จไป ดังนั้น ผู้ใดละเมิดธรรมบัญญัติเพียงข้อเดียว แม้เล็กน้อยที่สุดและสอนผู้อื่นให้ละเมิดด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสอนผู้อื่นให้ปฏิบัติด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์


     เราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่ดีไปกว่าความชอบธรรมของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสี แล้วท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เลย”

 (พระวาจาของพระเจ้า)

------

 ในขณะที่ความคิดเรื่อง "ความเคร่งครัด" มีผลต่อการแสดงออกทางความเชื่อ
 และ "ความหย่อนยาน" กลับเป็นเรื่องตรงข้ามกับความเชื่อ
 เพียงแต่เราลองพิจารณา ความจริงจัง ความมุ่งมั่น โดยมีเป้าหมายที่จะฝึกฝน อยู่ในสถานการณ์แห่งการลงมือจริงจัง ไม่ใช่ ความเคร่งครัด

 ขณะที่เราเคร่งครัด และเคร่งเครียด เราอาจลืมเพื่อนรอบข้าง เหตุการณ์ที่เกื้อกูล การค้ำจุนจากผู้ใหญ่ เพราะเราคิดแค่ "ตัวเอง" เท่านั้น

 เราจึงต้องพยายามทำความเข้าใจ ความจริงจัง แทนความเคร่งครัด
 เพราะอาจเคร่งครัด เพื่อให้ได้มา แต่ไม่จริงจังเพื่อจะฝึกฝน

 ดังนั้น เราพิจารณาจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติที่บอกว่า

 "ท่านจะต้องปฏิบัติตามอย่างซื่อสัตย์ เพื่อชนชาติอื่นๆ จะได้เห็นว่าท่านมีความเข้าใจและปรีชาญาณ เมื่อเขาได้ยินคำพูดถึงข้อกำหนดเหล่านี้ เขาจะพูดว่า ชนชาติยิ่งใหญ่นี้เท่านั้นเป็นประชากรที่มีความเข้าใจและปรีชาญาณ เพราะไม่มีชนชาติใดแม้ยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตามจะมีพระเจ้าอยู่ใกล้ชิด ดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราสถิตใกล้ชิดเรา"

  "บัญญัติ" คือ ความจริงจัง
 ไม่ใช่ความเคร่งครัด

 ในขณะที่เราทำกิจในเทศกาลมหาพรต ควรทำด้วยความจริงจัง

 ไม่ใช่ เคร่งครัด และเคร่งเครียด