รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันอังคารที่ 31 มกราคม 2017
ระลึกถึง น.ยอห์น บอสโก พระสงฆ์
มก 5:21-34…

21เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฟากอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนชุมนุมกันเนืองแน่นรอบพระองค์ขณะที่ยังทรงอยู่ริมทะเลสาบ 22หัวหน้าศาลาธรรมคนหนึ่งชื่อไยรัสเดินมา เมื่อเห็นพระองค์ เขากราบลงที่พระบาท 23พร่ำวิงวอนว่า “บุตรหญิงเล็ก ๆ ของข้าพเจ้าจวนจะสิ้นใจอยู่แล้ว เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้หายจากโรค กลับมีชีวิต” 24พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับเขา ประชาชนกลุ่มใหญ่ติดตามไปและเบียดเสียดพระองค์


25ขณะนั้น หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกเลือดมาสิบสองปีแล้ว 26ได้รับความทรมานมากจากการรักษาของแพทย์หลายคน เสียทรัพย์จนหมดสิ้น โรคก็มิได้บรรเทา ตรงกันข้ามกลับทรุดหนัก 27นางได้ยินเขาพูดกันถึงเรื่องพระเยซูเจ้า จึงเดินปะปนกับประชาชนเข้ามาเบื้องหลัง และสัมผัสฉลองพระองค์ นางคิดว่า 28”ถ้าฉันเพียงได้สัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” 29ทันใดนั้น อาการตกเลือดก็หยุด นางรู้สึกว่าร่างกายหายจากโรคแล้ว 30ขณะเดียวกัน พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกว่ามีอิทธิฤทธิ์ออกจากพระองค์ไป จึงทรงหันมายังกลุ่มชน ตรัสว่า “ใครสัมผัสเสื้อของเรา” 31บรรดาศิษย์ทูลว่า “พระองค์ทรงเห็นแล้วว่าผู้คนเบียดเสียดกันเช่นนี้ แล้วยังทรงถามอีกหรือว่า “ใครสัมผัสเรา”” 32พระองค์ทรงหันไปรอบๆ เพื่อทอดพระเนตรผู้ที่กระทำเช่นนั้น 33หญิงคนนั้นรู้สึกกลัวจนตัวสั่นเพราะรู้ดีว่าอะไรได้เกิดขึ้นแก่ตน จึงกราบลงเฉพาะพระพักตร์และทูลให้ทรงทราบความจริงทุกประการ 34พระองค์จึงตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุข หายจากโรคเถิด”
35ขณะกำลังตรัสอยู่นั้น มีคนมาจากบ้านหัวหน้าศาลาธรรม บอกเขาว่า “บุตรหญิงของท่านตายแล้ว ไปรบกวนพระอาจารย์อีกทำไมเล่า” 36แต่พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเขาพูดดังนั้น จึงตรัสแก่หัวหน้าศาลาธรรมว่า “อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด” 37พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ใครติดตามไปนอกจากเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ 38เมื่อทุกคนมาถึงบ้านหัวหน้าศาลาธรรม พระเยซูเจ้าทรงเห็นความวุ่นวาย และเห็นผู้คนร่ำไห้พิลาปรำพันเป็นอันมาก 39พระองค์เสด็จเข้าไป ตรัสแก่คนเหล่านั้นว่า “วุ่นวายและร้องไห้ไปทำไม เด็กคนนี้ไม่ตาย เพียงแต่นอนหลับไปเท่านั้น” 40เขาต่างหัวเราะเยาะพระองค์ พระองค์ทรงไล่เขาออกไปข้างนอก ทรงนำบิดามารดาของเด็กและศิษย์ที่ติดตามเข้าไปยังที่ที่เด็กนอนอยู่ 41ทรงจับมือเด็ก ตรัสว่า “ทาลิธาคูม” แปลว่า “หนูเอ๋ย เราสั่งให้หนูลุกขึ้น” 42เด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้นทันที และเดินไปมา เด็กนั้นอายุสิบสองขวบแล้ว คนทั้งหลายต่างประหลาดใจอย่างยิ่ง 43พระองค์ทรงกำชับอย่างแข็งขันมิให้แพร่งพรายเรื่องนี้แก่ผู้ใด และทรงสั่งให้เขานำอาหารมาให้เด็กนั้นกิน

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• สองเหตุการณ์จากพระวรสารวันนี้ คือ
1. หญิงที่เป็นเลือดตกโลหิตมาสิบสองปี รักษาไม่หาย.. นางหวังเพียงได้สัมผัสชายพระภูษาของพระเยซู นางเชื่อว่านางจะหายจากโรคที่เกินจะเยียวยามานาน และก็เป็นเช่นนั้น
2. และลูกสาวของไยรัส เขาคือหัวหน้าศาลาธรรม เมื่อเห็นพระองค์ เขากราบลงที่พระบาท พร่ำวิงวอนว่า “บุตรหญิงเล็ก ๆ ของข้าพเจ้าจวนจะสิ้นใจอยู่แล้ว เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้หายจากโรค กลับมีชีวิต”

• นี่เป็นสองเหตุการณ์ที่มีในพระวรสารวันนี้ และเป็นสองรายการที่พระเยซูเจ้า คือ ความหวัง พระองค์คือความรอดและความเชื่อของเขา ทั้งหญิงคนนี้ที่หวังในใจ.. “ถ้าฉันเพียงได้สัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” และกรณีลูกสาวของไยรัส เราพบเช่นกันว่า “ทรงจับมือเด็ก ตรัสว่า “ทาลิธาคูม” แปลว่า “หนูเอ๋ย เราสั่งให้หนูลุกขึ้น” เด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้นทันที และเดินไปมา”
• พระเยซูเจ้าคือความหวังและความรอดของคนไข้จริงๆ... พ่อมีประสบการณ์สองเรื่องจะเล่าให้ฟัง
o กรณีที่หนึ่ง เช้าวันหนึ่งพ่อได้รับข้อความจากคุณน้าท่านหนึ่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษ.. ขอคำภาวนาจากพ่อว่าหลานของเขาจะเข้าห้องผ่าตัดหัวใจ... “เรื่องใหญ่” เขาเขียนมาขอให้พ่อภาวนาและบอกว่าคนนั้นที่จะผ่าตัดพ่อก็รู้จักอยู่บ้างด้วย... พ่อได้รับข้อความพ่อก็ตอบกลับทันที เพราะเขาหวังขอพระเจ้าทรงช่วยเหลือ... พ่อเขียนตอบกลับทันทีว่า พ่อจะภาวนา ถวายมิสซาให้ทันทีเพราะรับข้อความนี้ก่อนมิสซาจริงๆ และพ่อก็บรรจุความปรารถนา ความหวังของเขาและของผู้ป่วยไว้ในคำภาวนาในมิสซาของพ่อ.. พ่อยอมรับว่าเขาต้องการคำภาวนา เขาต้องการความหวัง คนเจ็บไข้ต้องการความหวังเสมอ...พ่อจึงตั้งใจภาวนาให้ทันที

o กรณีที่สอง หลังมิสซาสายวันนั้นที่วัดนักบุญโทมัสอาไควนัส... ตามธรรมเนียมของคณะพระมหาไถ่ พระสงฆ์จะไปยืนรอทักทายสัตบุรุษที่หน้าวัด พ่อก็ไปเพราะเขาเชิญให้ไปเทศน์ และสัตบุรุษหลายท่านก็มาทักทาย ทั้งมิสซารอบภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่พ่อเทศน์.. แต่ที่พ่อสนใจและตื้นตันใจสงสารมากเห็นใจมาก... คุณป้าท่านหนึ่งเดินมารอพ่อขณะที่พ่อคุยกับคนรู้จักทักทาย คุณป้าท่านนั้นรอพ่ออย่างเพียรทน พ่อเห็นแล้ว พ่อรีบคุยให้จบกับคนอื่นๆ และรู้ว่าคุณป้าแสนน่ารักท่านนั้นรอ... ที่สุดเมื่อพ่อจบจากคนอื่นๆ พ่อรีบหันไปหา... คุณป้าเดินเข้ามาหาพ่อพร้อมซองที่อยู่ในมือใบหนึ่ง พ่อสนใจท่านเพราะใบหน้าที่ต้องการอะไรสักอย่าง หวังอะไรสักอย่าง... พ่อก็หันไปฟังท่าน... ท่านพูดกับพ่อด้วยภาษาอ่อนโยนและดูจะมีหวังในความสิ้นหวัง... ป้ากระซิบพ่อว่า “คุณพ่อ ลูกเป็นโรคไต เป็นระยะสุดท้าย ลูกขอคำภาวนาด้วย....” พ่อฟังแล้วใจพ่อจะละลายจริงๆ... คุณป้าพนมมืออยู่พ่อก็รวบมือคุณป้า มือที่นุ่มนวลและชราภาพพอสมควร พ่อรวบมือที่พนมอยู่ไว้ในมือพ่อ และพ่อก็ก้มลงไปกระซิบว่า “ขอพระเจ้าโปรดเยียวยารักษา ลูก เรามีความหวัง พระเจ้ามีพลัง ขอพระองค์ทรงรักษาลูกนะ ระยะสุดท้ายแต่พระเจ้าสามารถ ขอทรงรักษาด้วยเทอญ...” คุณป้ายิ้ม พ่ออวยพรด้วยมือของคนบาปอย่าพ่อ แต่วอนพระเจ้าสุดกำลังเพื่อเขา พ่อมีความสุขจัง... และหวังจริงๆครับ พระเจ้าสามารถทำอัศจรรย์ได้แน่นอน...

o ขออีกกรณีนะครับ หลังมิสซาเช่นกัน มีชายคนหนึ่งนั่งรถเข็น พ่อรู้จักครับ.. ลูกชายเขาเข็ญมา พ่อพบ พ่อรีบทัก เขาพูดเสียงสั่นเครือ... “พ่อ ขอคำภาวนา วันนี้จะไปผ่าตัดท้ายทอย ระบบประสาทถูกกระดูกทรุดลงมาทับ... ขณะพูดเขาก็พนมมือไปด้วย...” พ่อก้มลงด้วยความเคารพในความอาวุโสของท่าน และความศรัทธาของท่านต่อพระเจ้า... พ่อก้มลง พ่อภาวนาและวางมือโอบบ่าของเขาด้วยความเคารพเขาและศรัทธาในพระเจ้า พ่อวางมือที่ท้ายทอยของเขาและบอกว่า “ลูกไม่ต้องห่วงนะ พ่อขอภาวนาให้ พระเจ้าทรงเยียวยารักษาด้วยเทอญ”...
o สรุปว่า ประสบการณ์ของพ่อในวันนั้น วันที่พ่อได้พบคนเจ็บหลายคน.. พ่อได้อวยพรและพ่อมีความสุขที่ได้อวยพร และได้มีความหวัง และได้เสริมความหวัง...ให้กับผู้ทุกข์ใจในความเจ็บป่วยครับ... พ่อภาวนาต่อไป...

• พี่น้องที่รัก... พระเยซูรักษาหญิงตกโลหิต...พระองค์ตรัสอ่อนโยนเหลือเกิน... พระองค์ตรัสแบบนี้ครับ อ่านอีกทีครับ..
o กรณีหญิงตกโลหิต เพียงได้สัมผัสพระองค์ก็หายโรคแล้ว... และพระองค์จึงตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุข หายจากโรคเถิด”
o กรณีลูกสาวของไยรัส พระองค์ทรงจับมือเด็ก ตรัสว่า “ทาลิธาคูม” แปลว่า “หนูเอ๋ย เราสั่งให้หนูลุกขึ้น” (คำว่าทาลิธาคูม เป็นคำสั่ง Imperative เป็นสำนวนที่บอกว่า พระองค์ไม่พอใจความตายนะ พระองค์สั่งให้ลุกขึ้น สั่งไม่ให้ความตายทำให้เด็กน้อยนั้นต้องนอนตลอดไป... เหมือนจะบอกว่า “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้)

• พี่น้องที่รัก พระวาจาวันนี้สอนเราให้สัมผัสกันด้วยความห่วงใย ด้วยความรักเมตตาต่อกัน
o พ่อขอวิงวอนพระเจ้าเพื่อเราจะได้สัมผัสกันด้วยความรักของพระเจ้าเสมอไป โดยเฉพาะสำหรับบรรดาผู้เจ็บป่วยและผู้ยากไร้ชายขอบสังคม
o พ่อขอให้เรากล้าจับมือกัน ฉุดกันให้ลุกขึ้นมาให้ได้จากความสิ้นหวังทุกรูปแบบนะครับ โดยเฉพาะความยากไร้ของพี่น้องของเรา.. และ
o ให้เราสัมผัสเหลียวแลบรรดาคนที่เจ็บไข้และต้องการการสัมผัสแห่งความรักและความช่วยเหลือนะครับ
o สำคัญมาก วิงวอนพระเจ้าโปรดประทานความหวังจนถึงที่สุด และเยียวยาด้วยอำนาจแห่งความรักของพระองค์สำหรับบรรดาผู้เจ็บป่วยผู้เชื่อในพระองค์ด้วยเทอญ...
o จนกว่าชีวิตจะถึงที่สุด ขอพระองค์รับเราทุกคนไว้ในความรักของพระองค์ตลอดนิรันดร... ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ