รำพึงพระวาจาประจำวัน โดยคุณพ่อสมเกียรติ  ตรีนิกร
วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2017   
เทศกาลพระคริสตสมภพ
1ยน 5:5-13….กำเนิดความเชื่อ

5ใครเล่าชนะโลกได้
ถ้ามิใช่ผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้า


6พระองค์ทรงเป็นผู้เสด็จมาโดยน้ำและโดยพระโลหิต
พระองค์คือ พระเยซูคริสตเจ้า
พระองค์มิได้เสด็จมาโดยน้ำเพียงอย่างเดียว
แต่เสด็จมาโดยน้ำและโดยพระโลหิต
และพระจิตเจ้าทรงเป็นพยานถึงเรื่องนี้
เพราะพระจิตเจ้าทรงเป็นความจริง
7พยานมีสามอย่าง
8คือพระจิตเจ้า น้ำและพระโลหิต
และพยานทั้งสามอย่างก็ตรงกัน
9ถ้าเรายอมรับการเป็นพยานของมนุษย์
การเป็นพยานของพระเจ้านั้นย่อมยิ่งใหญ่กว่า
คือการเป็นพยานที่พระเจ้าทรงให้เกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์
10ผู้ใดเชื่อในพระบุตรของพระเจ้า
ย่อมมีการเป็นพยานอยู่ในตัวเขาแล้ว
แต่ผู้ที่ไม่เชื่อ
ย่อมทำให้พระเจ้าเป็นผู้ตรัสคำเท็จ
เพราะเขาไม่เชื่อการเป็นพยานซึ่งพระเจ้าประทานให้เกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์
11การเป็นพยานนี้คือ
พระเจ้าประทานชีวิตนิรันดรแก่เรา
และชีวิตนี้อยู่ในพระบุตรของพระองค์
12ผู้ใดมีพระบุตรย่อมมีชีวิต
และผู้ใดไม่มีพระบุตรของพระเจ้าย่อมไม่มีชีวิต
13ข้าพเจ้าเขียนเรื่องนี้ถึงท่านทั้งหลาย
ซึ่งเชื่อในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า
เพื่อท่านจะได้รู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร

อรรถาธิบายและไตร่ตรอง

• “กำเนิดของความเชื่อสำหรับเราคริสตชนอยู่ที่ไหน เราได้ค้นพบความชื่อของเราจากที่ใด...”
o พ่อจำได้ว่าในการแสวงบุญไปที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ มีสถานที่สองแห่งที่คนจะเข้าแถวกันนานแสนนานเพื่อจะได้เข้าไปสัมผัสเพียงไม่กี่วินาที และแถวผู้คนก็จะยาวมากๆในการเข้าไป พ่อเคยมีประสบการณ์หลายครั้ง มีเพียงสองแห่งซึ่งถือเป็นจุดสำคัญและใฝ่ฝันที่สุดของการแสวงบุญ ที่ต้องเข้าไป ณ จุดนั้น ทีละคนจริงๆ ทีละคนเท่านั้น มากกว่านั้นไม่ได้ และก็ขึ้นกับเวลาและอารมณ์ของคุณพ่อหรือเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าสถานที่ทั้งสอง และที่ต้องแปลกใจที่ทั้งสองแห่งนี้เป็นของออร์โธด็อกซ์ พระสงฆ์ของเขาดุมากๆ และจัดระเบียงมากในบางเวลา ก็น่าเห็นใจเพราะสถานที่เป็นเพียงจุดเล็กๆ ผู้แสวงบุญเข้าไปได้ที่ละคนๆ แต่มีคนเข้าไปเพื่อกราบนมัสการหรือสัมผัสมาแล้วคงเป็นหลายล้านๆๆคน
o พ่อจำได้ว่ามีบางครั้งเราต้องเข้าแถวยาวถึงสองชั่วโมงกว่าก็มีแถวที่กระจุกเหมือนคอขวด ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปหาอย่างช้าๆ และเมื่อเข้าไปถึงบางเวลา พระสงฆ์ออร์โธด็อกซ์เจ้าของสถานที่ก็เหนื่อยและดุด้วยและไล่ให้ขบวนเคลื่อนไปเร็วๆ แน่นอนแต่ละคนก็อยากจะได้รูปถ่ายไว้เป็นที่ระลึกสักครั้งในชีวิต แต่ก็เป็นไปได้ยากเหลือเกินเพราะความจำกัดของพื้นที่ หลายคนเคยไปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์กับพ่อ เคยมีประสบการณ์นี้กันมาแล้ว พ่อพาคนไปบ่อย พ่อเองก็อดทนจนเคยเสียแล้ว อย่างเร็วๆ ก็ต้องมีชั่วโมง ช้าสุดเคยสามชั่วโมง ร้อนก็ร้อนแต่ก็ต้องทน

สถานที่ทั้งสองนี้คือที่ไหนหรือ พี่น้องคงอยากทราบแล้ว คำตอบคือ
1. ในถ้ำใต้พระแท่นในวัดพระคริสตเจ้าประสูติที่เบธเลเฮม เราต้องเดินลงไปข้างล่าง ก้มตัวลงไปในช่องเล็กๆ ไปยังจุดที่มีเครื่องหมาย “ดาวแห่งการประสูติ” เข้าไปได้ทีละคน ต้องก้มลง มุดเข้าไป เหมือนจะสอนเราว่าพระองค์ทรงถ่อมพระองค์จริงๆ ลงมายังเกิดเป็นมนุษย์ เราแต่ละคนจะเข้าไปเพื่อกราบสมัสการและจูบสถานที่ตามธรรมประเพณีแต่สมัยแรกๆ เชื่อว่าเป็นจุดที่พระแม่มารีย์มีพระประสูติการพระเยซูกุมาร
2. ในวัดพระคูหาที่สร้างครอบยอดเข้ากัลวาริโอ ในวัดอันใหญ่โตนี้ก็มีสถานที่สำคัญมากๆ มากที่สุด คือยอดเข้ากัลวาริโอที่เคยตั้งไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า เป็นที่ๆปัจจุบันเขาทำเป็นแท่นเล็กและมีช่องหรือรูขนาดที่แขนของเราจะล้วงลงไปได้ ใครๆก็ต้องการเข้าไป และต้องขึ้นบันไดเล็กๆขึ้นไปที่ยอดเขาสูงไม่มาก แต่ต้องขึ้นไป และ ณ ที่นั่น คิวๆเป็นชั่วโมงเช่นกัน เพื่อเข้าไปใต้พระแท่นที่ต้องคุกเข้าและก้มเข้าไป และไม่มีอะไรนอกจากได้มีโอกาสล้วงมือลงประมาครึ่งแขนและเราจะได้สัมผัสก้อนหิน “ยอดเขา” กัลวาริโอคือสถานที่เขาได้ตอกและติดตรึงพระเยซูเจ้าจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และพระโลหิตและน้ำได้ไหลจากสีข้างของพระองค์ลงมารดพื้นแผ่นดิน ณ จุดนั้น....

• พี่น้องที่รัก พ่อได้ย้ำมาตลอดเทศกาลพระคริสตสมภพว่า “จากรางหญ้าถึงไม้กางเขน” พ่อคิดว่า แม้เราไปอิสราเอลเวลานี้เราก็เห็นความจริงดังกล่าว สถานที่ทั้งสองที่พ่อเล่าให้ฟัง ก็ชัดเจนว่าเป็นเพียงจุดเล็กๆแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งศรัทธาของทุกๆคนที่อยากเข้าไปเพื่อกราบนมัสการสถานทั้งสองนั้น
• พี่น้องที่รัก นักบุญยอห์นได้เน้น “กำเนิดของความเชื่อ” พ่อพยายามไตร่ตรองอยู่นานหลายๆปีว่า “เนื้อหาของความเชื่อของเราจริงๆคืออะไรหนอ” เมื่ออ่านพระคัมภีร์มากๆขึ้น พ่อได้พบกว่า “พระเยซูคือเนื้อหาของความเชื่อของเรา” ซึ่งเรื่องนี้พ่อเน้นมาโดยตลอด แต่ในช่วงของเทศกาลพระคริสตสมภพ บัดนี้ใกล้จะจบลงแล้ว เราได้อ่านจดหมายนักบุญยอห์นฉบับที่หนึ่งมาถึงเรื่อง “กำเนิดของความเชื่อ” และ “กำเนิดของความรัก” บัดนี้เราแน่ใจได้แล้วว่า เราได้ฉลองการบังเกิดของพระคริสตเจ้าจริงๆ พระเจ้าองค์ความรักและองค์ความเชื่อของเรา...

• วันนี้พ่ออยากจะสรุปเนื้อหา “กำเนิดของความเชื่อ” ให้ชัดเจนครับ... ไม่ใช่ที่รางหญ้า แต่เป็นที่กางเขน... “พระเยซูเจ้าผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน” ณ ที่นั่น คือ “กำเนิดของความเชื่อของเรา” นักบุญยอห์นสรุปไว้ในปลายจดหมายของท่านที่เราอ่านในวันนี้ครับ “พยานสามประการต้องตรงกัน คือ พระจิตเจ้า น้ำและพระโลหิต”.... เรื่องนี้พ่อเองเคยคิดให้ตายก็งงว่าทำไม ลองอ่านยอห์นต่อไปนี้สิครับ พ่อจะจัดมาเป็นข้อความต่อเนื่องให้อ่านนะครับ

o “พยานมีสามอย่าง คือพระจิตเจ้า น้ำและพระโลหิต และพยานทั้งสามอย่างก็ตรงกัน” นี่คือข้อความจากพระวาจาวันนี้ในข้อที่ 7-8 แปลกใจมากครับ พ่อก็แสวงหามาโดยตลอดว่า “พยานสามอย่างที่ต้องตรงกัน”
o เมื่อใดหนอที่พยานสามอย่างนี้ตรงกันจริงๆ หรืออยู่ด้วยกัน มาด้วยกัน เวลาไหนและเมื่อใดที่พยานทั้งสามอย่างซึ่งหมายถึงบ่อเกิดและกำเนิดของความเชื่อของเรามาด้วยกันตรงกัน เราเชื่ออะไร เรา ทำไมนักวิชาการพระคัมภีร์จึงเรียกพระวาจาของพระเจ้าจากจดหมายนักบุญยอห์นตอนนี้ว่า “กำเนิดของความเชื่อ” พ่อเองก็ศึกษาและแสวงหาครับ ทำไม เมื่อใดที่พยานสามอย่างนี้จะทำให้เราเชื่อ ให้เราได้มีความเชื่อและกำเนิดความเชื่อ
o เราเชื่ออะไร “เนื้อหาของความเชื่อ” ของเราคืออะไรที่ไหนกัน พี่น้องครับ...คำตอบที่ชัดที่สุดสำหรับพ่อ ความเชื่อของเราคือ “พระเยซูเจ้า” นั่นคือความเชื่อของเรา เราเชื่อในพระเจ้าองค์ความรักและความจริงที่เราพบได้ผ่านทางพระเยซูเจ้า พระองค์ พระองค์เท่านั้น คือ ความเชื่อของเรา คือเนื้อหาของความเชื่อของเรา อะไรคือความแตกต่างของศาสนาคริสต์กับศาสนาอื่นๆ มีคำตอบง่ายๆครับ
o ศาสนาอื่นๆ หลายศาสนาต้องพยายามแสวงหาพระเจ้า แสวงหาความจริง แสวงหาหลักธรรมหรือความจริง แสวงหา และออกเดินทางไปหาพระเจ้า มุ่งหาพระเจ้าหรือหาหลักธรรมเพื่อจะได้พบความสุขสันตินิรันดร์
o ศาสนาคริสต์ ตรงกันข้ามครับ เป็นฝ่ายพระเจ้าครับ พระเจ้าองค์ความจริง องค์ความรักและหลักธรรมแห่งความรักนิรันดร เป็นพระองค์ที่เป็นฝ่ายเริ่ม เป็นผู้เสด็จมาหาเรา มาแสวงหาเรา ตามหาเราเพื่อเราจะได้รับชีวิตนิรันดร เพื่อเราจะได้รับความสุขสันตินิรันดร์

• ดังนั้น ความเชื่อของเรา คือ “พระเยซูเองผู้เสด็จมาบังเกิดเพื่อเรา” เพื่อทรงรักเรา เพื่อทำให้เรารู้จักพระบิดาของพระองค์เพื่อประทานความรัก ชีวิต และความรอดนิรันดรแก่เราทุกคน พระองค์เสด็จมาครับ พระองค์จึงเป็นความเชื่อ เป็นเนื้อหาของความเชื่อที่เราเชื่อได้ ไว้ใจได้ และรักพระองค์ได้อย่างแท้จริง เพราะพระองค์เสด็จมาถึงเรา มาเพื่อเราและทรงรักเราถึงเพียงนี้

แต่เมื่อไรหนอที่พยานสามประการณ์ที่เป็นความเชื่อสูงสุดของเรามาถึงจุดที่ชัดที่สุด
• ณ เบธเลเฮมหรือ ในถ้ำเลี้ยงสัตว์และในรางหญ้าหรือ
• ณ กาลิลีเมื่อพระองค์เทศนาหรือ บนภูเขามหาบุญลาภ หรือภูเขาทาบอร์หรือ...
• คำตอบคือ ยังไม่ใช่ หรือ
• ณ เวลาที่พระองค์ประทานพระจิตเจ้าแก่บรรดาศิษย์หรือ ก็ยังไม่ได้มีพยานสามอย่างตรงกันหรือมาด้วยกันอีก...

• กำเนิดของความเชื่อของเราจึงอยู่ที่ใดเล่า...
o หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ต้องไปหาต้นตอ ในเมื่อจดหมายนักบุญยอห์นเขียนเช่นนี้ “พยานมีสามอย่าง คือพระจิตเจ้า น้ำและพระโลหิต และพยานทั้งสามอย่างก็ตรงกัน”
o เราก็ต้องไปหาความจริงจากยอห์นหรือสถาบันนักบุญยอห์นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักเลยครับ
o พ่อจึงกลับไปอ่านพระวรสารยอห์นซ้ำแล้วซ้ำอีกหาให้ได้ว่า เมื่อใดหนอ เวลาใดหนอที่พยานสามอย่างมาด้วยกัน....ในพระวรสารของท่าน... ในที่สุดได้พบครับ สุดยอดที่เราอ่านทุกปีคือวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ เรื่องพระทรมานที่เราอ่านทุกปีในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์

• จุดสูงสุดของเรื่องราวนั่นแหละต้องไปดูพบจนได้ครับ.... พบจนได้ครับ พบจากยอห์นในพระวรสารของท่านจริงๆ มาดูกันนะครับ... บนเขากัลวาริโอ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ มีสามอย่างมาอยู่ด้วยกัน ณ ที่นั่น คือในเวลาที่พระองค์สิ้นพระชนม์ พระองค์มอบ...
o มอบลมหายใจสุดท้าย คือ ลมแห่งพระจิตเจ้า หรือชัดๆคือมอบ “พระจิตเจ้า” ให้แก่เราในความตายของพระองค์.... และเมื่อถูกแทงที่สีข้างเราได้เห็นตามที่ยอห์นเล่าว่าพระโลหิตและน้ำไหลออกมา
o สรุป ลมหายใจของพระเยซูเจ้า (พระจิตเจ้า) และ น้ำ และพระโลหิต ทั้งสามอย่างอยู่ด้วยกัน ณ ที่เดียวกันคือ บนเขากัลวาริโอที่ไม้กางเขน เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ตามพระวรสารของท่านนักบุญยอห์นเองครับ...

• ดังนั้น เราได้พบแล้วครับ
o พยานสามอย่าง บ่อเกิดของความเชื่อของเราคือ พระจิตเจ้า น้ำและพระโลหิต นั่นคือพยานแห่งการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้าครับ ณ ที่นั่น คือความรัก คือความเชื่อ และคือความหวังของเราตลอดไปครับ...
o พระเจ้าเสด็จมาหาเรา ทรงรักเราถึงเพียงนี้ และทรงสิ้นพระชนม์เพื่อหรือเพราะทรงรักเรา ดังนั้น ความรักบนกางเขนคือบ่อเกิดของความเชื่อตลอดไป พระเยซูบนกางเขนคือความเชื่อของเราตลอดไปเช่นเดียวกันครับ...
o ชัดเจนที่สุดแล้ว กางเขนแห่งความรัก คือ เวลานั้นที่ทรงรักเราที่สุด และเราเชื่อในพระเจ้าครับ พระเจ้าองค์ความรักนั่นเองครับ.... ถ้าเราเชื่อในพระองค์ คือ เราเชื่อในความรักและแบบอย่างของพระองค์ครับ เรามีพระเยซูเจ้าเป็นประจักษ์พยานแห่งความรักและเป็นความเชื่อนั้นครับ

• พี่น้องที่รักครับ นี่คือคำสอนของนักบุญยอห์น
o เป็นเทววิทยาและเป็นสุดยอดของความเชื่อ เป็น “กำเนิดของความเชื่อ” ของเราคริสตชนครับ
o พ่อมั่นใจในการเขียนถึงเรื่อง พระจิตเจ้า น้ำ และพระโลหิต บนเขากัลวาริโอ ที่สุดพ่อเองไม่แปลกใจว่า ณ ที่นั่น ใครๆก็อยากเข้าไปเพื่อสัมผัสภูเขาที่พระเยซูเจ้าทรงรับทรมานสิ้นพระชนม์เพื่อเรา หรือที่พระองค์ทรงบังเกิดมา
o สรุปว่า เพราะเราต่างก็รักฉากชีวิตแห่งความรักของพระคริสตเจ้านี้เหลือเกินครับ นี่คือฉากชีวิตของเรา ศรัทธาและความเชื่อของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
o จุดสูงสุดอยู่ที่ “พระเยซูเจ้าบนบางเขน” คือ ความเชื่อของเราครับ เราเชื่อในความรักของพระเจ้าครับ และเราจะชนะโลกได้อย่างแน่นอน... พระเจ้าอวยพรนะครับ...